บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ลงนามในสัญญาร่วมดำเนินการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมโรจนะชลบุรี 2(เขาคันทรง)บนพื้นที่กว่า 900 ไร่ ทุ่มงบลงทุน 2,100 ล้านบาทสร้างความพร้อมพื้นที่ดึงกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายรับอีอีซี เปิดบริการเชิงพาณิชย์ปี 64 มั่นใจเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุน-จ้างงานในพื้นที่ น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.และบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน)ได้ร่วมลงนามในสัญญาร่วมดำเนินงานจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมโรจนะชลบุรี 2 (เขาคันทรง) ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่กว่า 900 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวม 2,100 ล้านบาทรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ตามนโยบายของภาครัฐ ได้แก่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบครบวงจร อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร และอุตสาหกรรมเบา เป็นต้น โดยนิคมอุตสาหกรรมโรจนะชลบุรี 2 (เขาคันทรง) ถือเป็นนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงานที่เป็นพื้นที่การลงทุนใหม่ในภาคตะวันออกที่ได้ยื่นขอเป็นเขตส่งเสริมตามโครงการอีอีซีแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือ EIA และเมื่อรายงาน EIA ได้รับความเห็นชอบแล้ว คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1 ปี โดยจะพร้อมเปิดรับนักลงทุนที่สนใจเข้าใช้พื้นที่ประกอบกิจการได้ในเชิงพาณิชย์ในปี 2564 สำหรับรูปแบบการจัดตั้งนิคมฯ ได้ออกแบบโดยให้ความสำคัญในการพัฒนารอบพื้นที่ทั้งหมดของโครงการฯตามแนวทางการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ หรือ Eco-Industrial Town ประกอบด้วยพื้นที่สีเขียว พื้นที่แนวกันชนแบบเชิงนิเวศหรือ Eco-Belt รวมถึงการออกแบบให้มีการบริหารจัดการด้านการบำบัดน้ำเสียให้สามารถนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วมาปรับปรุงคุณภาพ และนำไปใช้ประโยชน์ภายในโครงการใหม่อีกครั้ง (Recycle)เพื่อลดอัตราการระบายน้ำทิ้งออกนอกพื้นที่ “การจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมโรจนะชลบุรี 2 (เขาคันทรง)ครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเช่น จีน ญี่ปุ่น และยุโรปที่สนใจในพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งทางทำเลที่ตั้ง และความพร้อมด้านโลจิสติกส์ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นครงข่ายทางด่วนมอเตอร์เวย์ ทางด่วนบางนา-ชลบุรี ท่าเรือแหลมฉบัง สนามบินแห่งชาติสุวรรณภูมิที่จะมีส่วนช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้ระบบการขนส่ง และการกระจายสินค้าในภาคการผลิตมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย” นอกจากนี้นิคมฯดังกล่าวยังเป็นพื้นที่เป้าหมายของรัฐบาลที่สามารถยื่นขอเป็นเขตส่งเสริมตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้ ดังนั้นด้วยปัจจัยต่างๆเหล่านี้ กนอ.เชื่อว่าจะเป็นกลไกสำคัญในการดึงดูดการลงทุนเข้าไทยมากกว่า 6,000 ล้านบาท และเพิ่มการจ้างงานในพื้นที่ได้มากกว่า 10,000 อัตราในอนาคต