เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่สน.ธรรมศาลา พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี รอง ผบช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. เดินทางมาเพื่อเร่งรัดคดีนายรัติภูมิ พิมใจใส หรือเบิร์ด อายุ 34 หนุ่มเซลส์หน้าตาดี แมนโชว์รูมรถแห่งหนึ่งที่หายสาบสูญไปอย่างปริศนา โดยทิ้งหลักฐานไว้มากมายเพื่อเร่งคลายคดี พล.ต.ท.ศานิตย์ เผยว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบพยานหลักฐานที่มีอยู่เพื่อที่จะมุ่งเน้นไปในประเด็นใดประเด็นหนึ่งร่วมถึงประเด็นที่ยังเป็นข้อสงสัยในคดีนี้ยังคงไม่มีอะไรเพิ่มเติมมากนัก แต่ในการทำงานค่อนข้างเป็นไปได้อย่างเนื่องจากเหตุนั้นเกิดมากว่า 40 วันจึงอยากที่จะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆซึ่งอาจพยานแปลงหรือสูญหายไปแล้ว รวมถึงกล้องวงจรปิดที่ส่วนใหญ่มีขีดจำกัดบันทึกไว้ได้แค่ 30วัน ส่วนเรื่องที่พบโทรศัพท์มือถือของนายรัติภูมิ ร่วมถึงเงินสดจำนวน 20,000บาทและยาเสพติดนั้น พบเพียงพยานที่เป็นผู้พบเห็นและเก็บไปแต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การต้องพิสูจน์กันต่อไปพบโดยบังเอิญหรือมีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอย่างไร พล.ต.ท.ศานิตย์ เผยว่า เผยต่อว่า นอกจากนี้จากการสอบถามพยานที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับนายรัติภูมิ เกี่ยวกับยาเสพติดนั้นมีพยานหลายคนให้ข้อมูลว่ามีประวัติพัวพันเกี่ยงข้องกับยาเสพติดอยู่บ้างแต่ก็ไม่ปักใจเชื่อทั้งหมดต้องพิสูจน์เช่นกันนอกจากนี้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องชุดสืบสวนกำลังอยู่ในช่วงการติดต่อเพื่อให้ปากคำอีกหลายปาก จึงอยากที่จะประชาสัมพันธ์และข้อความรวมมือให้ผู้ที่ทราบข้อมูลเข้าให้การกับเจ้าหน้าที่ รวมไปถึงน.ส.นันทิยา สุวรรณวาลี ภรรยานายรัติภูมิ ทางเจ้าหน้าที่ติดต่อไปเพื่อขอให้เข้าปากคำหลายครั้งแต่ยังไม่มีการเดินทางเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ ทางพนักงานสอบสวนจึงจะออกหมายเรียกไปหากไม่มีการมาครบตามจำนวน มีความผิดจำคุกถึง 3เดือน ด้านพล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี. รอง ผบช.น. เผยว่า นอกจากนี้ทีมสืบสวนยังได้มีการติดต่อไปยัง โรงพยาบาลและนิติเวชทั้งในกรุงเทพมหานคร พื้นที่กองบัญชาการภูธรภาค 1และภาค 7 ว่ามีศพไร้ญาติหรือศพที่มีลักษณะคล้ายหรือไม่ รายงานข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนั้นมุ่งเน้นการสืบส่วนให้น้ำหนักไปในเรื่องของชู้สาวเป็นหลัก และการลักทรัพย์ สุดท้ายคือประเด็นเกี่ยวกับยาเสพติด สาเหตุที่มุ่งไปในเรื่องประเด็นชู้สาว ทราบว่านายเบิร์ดได้มีการสัมพันธ์ชู้สาวกับน.ส.มิ้ว แต่น.ส.มิ้ว ก็ได้การคบหากับนายทหาร ยศพันเอกท่านหนึ่ง ส่วนอีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องการลักทรัพย์นั้นอาจเป็นสาเหตุของการหายตัวไปด้วยตัวเองเนื่องจากเกรงกลัวความผิดที่น.ส.มิ้วเข้าแจ้งความในข้อหาลักทรัพย์ ส่วนแนวทางการสืบสวนนั้นได้มุ่งเน้นหาพยานบุคคลเป็นหลัก และคนหากล้องวงจรปิด อีกทั้งจากการสอบปากคำพยานซึ่งเป็นเพื่อนของนายเบิร์ด หลักจากมีเรื่องทะเลาะกับน.ส.มิ้ว ได้โทรหาเพื่อนสนิทคนนี้มารับโดยแจ้งว่ากำลังมีคนไล่ตามให้รีบมารับยังจุดใกล้เคียงกับซอยบรมราชชนนี 78 โดยด่วน ซึ่งตรงกับพยานหลักฐานที่พบโทรศัพท์ของนายเบิร์ดมีความเป็นไปได้ว่าการหายตัวไปของนายเบิร์ดอาจเป็นถูกอุ้มไป อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ยังพบหลักฐานที่นายเบิร์ดซึ่งอาจจะอยู่กับกลุ่มชายฉกรรจ์ วนเวียนอยู่บนถนนบรมราชชนนีบริเวณวัดชัยพฤกษ์ในเวลา 23.00น.ของวันที่ 20 ธ.ค.(59)ก่อนจะกลับรถมุ่งหน้าออกเส้นทางจ.นครปฐมในเวลาประมาณ 02.00น.เช้าของวันที่ 21ธ.ค.(59)