AJAเดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เน้นจำหน่ายสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซหรือออนไลน์มากขึ้น ผนึก"อลีบาบา"พันธมิตรจีนรายใหญ่ พัฒนาแพลตฟอร์มการตลาดรูปแบบใหม่ พร้อมนำนวัตกรรมเทคโนโลยี สร้างความทันสมัยให้เครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์"AJ" มั่นใจหนุนยอดขายปีนี้เติบโตกว่าปีก่อน เล็งขยายธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า และออกสินค้าใหม่ หวังสร้างรายได้เพิ่ม หนุนการเติบโตที่มั่นคงในระยะยาว นายอภิสิทธิ์ ไทเศรษฐวัฒน์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AJA เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ โดยได้เสริมช่องทางการจำหน่ายสินค้าใหม่ ซึ่งจะหันไปเน้นตลาดอีคอมเมิร์ซและขายโครงการมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้ต้องเร่งปรับตัว และมีการพัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนำเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมมาใช้ เพิ่มความทันสมัยให้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "AJ" ซึ่งจะทำให้สินค้ามีความน่าสนใจ และสามารถสร้างรายได้มากขึ้น "ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ได้เตรียมความพร้อมระดับหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะการขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซ ปัจจุบันตลาดออนไลน์ได้รับความนิยมสูง จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งได้เร่งพัฒนาสินค้าโดยการนำเทคโนโลยีใหม่ เข้ามาสร้างความแตกต่าง เพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้าและการปรับกลยุทธ์ในครั้งนี้ จะช่วยให้มียอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เติบโตขึ้น "ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าว” นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ แทบเล็ต รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ ในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 2 หมื่นเครื่องต่อเดือน จาก 1 หมื่นเครื่องต่อเดือนในไตรมาสแรก เนื่องจากได้เพิ่มสินค้ารุ่นใหม่ๆเข้ามา รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่างๆ ขณะที่ธุรกิจขายเครื่องดื่ม อาหาร ผ่านตู้หยอดเหรียญ ยังมีแนวโน้มที่ดี และคาดว่าจะมีจำนวนมากขึ้น จากปัจจุบันประมาณ 500 ตู้ ในส่วนของธุรกิจการร่วมลงทุนกับพันธมิตรรายใหญ่ อย่าง บริษัทอาลีบาบา ประเทศจีน ตอนนี้ได้มีการพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซร่วมกัน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างคึกคัก และมีสมาชิกเข้าร่วมแล้วกว่า 650 ราย และในปีนี้น่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า(EV) ซึ่ง AJA ล่าสุดในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาได้มีการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อใช้เป็น Taxi VIP ครบเป็นจำนวน 101 คันสำหรับให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง อย่างไรก็ตามในธุรกิจนี้ บริษัทมีแผนจะขยายไปยัง ธุรกิจยานยนต์รูปแบบอื่นๆ คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส4 ปีนี้