บอร์ด JCK อนุมัติให้เซ็นสัญญาเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ลุยพัฒนาที่ดินราชพัสดุ 1,335 ไร่ เนรมิตเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนครพนม หนุนเป็นประตูเศรษฐกิจสู่อาเซียนและจีนตอนใต้ ผุดเมืองวัฒนธรรม-ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ-ศูนย์กระจายสินค้า-เขตอุตสาหกรรม เร่งลงมือก่อสร้างทันที มั่นใจช่วยสร้างงาน-สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ สอดคล้องนโยบายไทยแลนด์ 4.0 นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการ บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (JCK) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้เข้าทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ “พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม”กับกรมธนารักษ์ เพื่อพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาประเทศ เพื่อให้มีการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม ซึ่งเป็นเขตชายแดนใกล้กับด่านพรมแดนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยบริษัทได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษให้ได้รับสิทธิการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม เนื้อที่ประมาณ 1,335 ไร่เศษ ทั้งนี้เพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม ที่มีรูปแบบดำเนินโครงการภายใต้วิสัยทัศน์ “สังคมน่าอยู่ ประตูเศรษฐกิจสู่อาเซียนและจีนตอนใต้”โดยนำยุทธศาสตร์จังหวัดนครพนมมากำหนดบทบาทที่เหมาะสมกับการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนมให้สอดคล้องกับสภาพเมืองและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อให้มีการเจริญเติบโตทั้งในด้านเศรษฐกิจ และสังคม อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตามแนวคิดไทยแลนด์ 4.0 โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลักได้แก่ 1.ศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ 2.เมืองผลิตอาหารปลอดภัย อุตสาหกรรมแปรรูป และศูนย์ธุรกิจค้าส่ง 3.เมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบ่งการพัฒนาออกเป็น 6 ด้าน ประกอบด้วยศูนย์กลางการเชื่อมโยงสู่ภูมิภาค,ส่งเสริมสินค้าทางการเกษตร ส่งเสริมสินค้าท้องถิ่น (OTOP),การเจรจาทางธุรกิจ โดยการจัดตั้งศูนย์ประชุม และแสดงสินค้านานาชาติ,การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ รวมถึงสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยมีกิจกรรมที่สนับสนุนอาทิเช่น โรงแรมและรีสอร์ท ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรม/หัตถกรรม สนามกีฬา เป็นต้น พร้อมทั้งการยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของคนในชุมชนโดยจัดตั้งโรงพยาบาล ศูนย์ดูแลสุขภาพ และศูนย์แพทย์แผนไทย สำหรับในการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนมได้แบ่งกลุ่มพัฒนาออกเป็น 4 กลุ่มหลักๆได้แก่ กลุ่มที่ 1 พื้นที่สำหรับเมืองวัฒนธรรม กลุ่มที่ 2 พื้นที่สำหรับเป็นศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ (Convention Center)กลุ่มที่ 3 พื้นที่สำหรับใช้เป็นศูนย์รวมกีฬาต่างๆ และสันทนาการ (Sport Complex) และกลุ่มที่ 4 พื้นที่สำหรับศูนย์กระจายสินค้าและเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นอกจากนี้ภายในโครงการยังมีเส้นทางรถไฟรางคู่สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนมตัดผ่านพื้นที่ในโครงการอันจะสนับสนุนเส้นทางขนส่ง และโลจิสติกส์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ภายในโครงการยังจัดพื้นที่รองรับสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและนักลงทุนในพื้นที่ที่จะประสงค์จะเข้าร่วมลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว “บริษัทมีแผนการเร่งดำเนินการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษโดยการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานภายในโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ซึ่งจะสามารถสร้างงาน สร้างรายได้เพิ่มให้แก่ประชาชนในจังหวัดนครพนมและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสนับสนุนการจัดตั้งพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจังหวัดนครพนมให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลโดยเร็ว ทั้งนี้ เมื่อได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินกับกรมธนารักษ์แล้ว บริษัทจะเร่งทำการพัฒนาโครงการทันที คาดว่าโครงการวันนครพนมนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป” ทั้งนี้นอกจากโครงการวันนครพนมแล้ว คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติให้ทำการขายหุ้น Bognor Regis Warehouse Limited บริษัทย่อยของ TISCOM ที่ JCK ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 100 ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำกิจการคลังสินค้าให้เช่าที่ประเทศอังกฤษ ในราคา 17,750,000 ปอนด์ โดยจะทำรายการซื้อขายกันภายในเดือนกรกฎาคม 62 นี้ ก็จะสร้างรายได้ให้แก่ JCK ได้ภายในไตรมาสนี้อีกทางหนึ่ง