วันที่ 5 ก ค.ที่ สตม.สวนพลู พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รรท.ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ รองผบช.สตม.,พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.ภ.7 ปฏิบัติราชการ สตม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ รอง ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง ผกก.ตม.จว.จันทบุรี แถลงข่าวจับกุม น.ส.ชมพูนุท พงศธรพิพัฒน์ อายุ 32 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 260/2562 ลง 25 มิ.ย.2562 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่าพฤติการณ์กล่าวคือ ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.จันทบุรี ได้รับการประสานจากชุดสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร ซึ่งได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่ามี น.ส.ชมพูนุท พงศธรพิพัฒน์ อายุ 32 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 260/2562 ลง 25 มิ.ย.2562 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” หลบหนีการจับกุมเข้ามาอยู่ในพื้นที่ จว.จันทบุรี จากนั้นชุดสืบสวน ตม.จว.จันทบุรี ได้สืบสวนหาข่าวจนทราบว่า ผู้ต้องหาดังกล่าว หลบหนีมาอยู่กับอดีตสามี ที่ ต.เขาวัว อ.ท่าใหม่ จว.จันทบุรี ต่อมา วันที่ 3 ก.ค.62 เวลาประมาณ 17.30 น. ชุดสืบสวน ตม.จว.จันทบุรี พร้อมตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด., สภ.เมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ชมพูนุท พงศธรพิพัฒน์ อายุ 32 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 260/2562 ลง 25 มิ.ย.2562 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” ได้ที่บริเวณหน้าห้องพักคนงานบริษัทก่อสร้าง ม.6 ต.เขาวัว อ.ท่าใหม่ จว.จันทบุรี พล.ต.ต.อาชยน กล่าวอีกว่า สืบเนื่องจาก น.ส.ชมพูนุท พงศธรพิพัฒน์ ผู้ต้องหา ร่วมกับ น.ส. ปวริศา หรือ ภัทธนันท์ นาครอด ผู้ต้องหาอีกราย ได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายจำนวนกว่า 80 คน โดยไปขอซื้อดาวน์รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมดจากผู้เสียหาย ที่โพสต์ไว้ตามเว็บไซต์ต่างๆ โดยเลือกตามยี่ห้อรถที่ได้รับออร์เดอร์จากนายทุน จาก จว.กาญจนบุรี จากนั้นผู้ต้องหาทั้งสองคนได้ติดต่อขอซื้อดาวน์จากผู้เสียหายโดยไม่ได้เปลี่ยนสัญญา โดยหลอกว่าจะผ่อนต่อและเมื่อผ่อนครบ 1 ปี แล้วจะทำการเปลี่ยนสัญญาให้ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ขายดาวน์รถให้กับผู้ต้องหาแล้ว จึงนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่หลอกซื้อมาไปส่งมอบให้กับกลุ่มนายทุน บริเวณห้างสรรพสินค้าต่างๆ ใน กทม. แล้วแต่จะนัดหมาย โดยได้ค่าจ้างคันละ 3,000 – 10,000 บาท จากนั้นนายทุนที่รับรถไปจะนำรถไปขายต่อในเพจรถหลุดจำนำ หรือ ชำแหละขายเป็นชิ้นส่วนอะไหล่ โดยส่งขายให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมผู้เสียหายที่ถูกผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ หลอกลวงจำนวน 87 คน รวมรถยนต์และรถจักรยานยนต์จำนวน 87 คัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย กว่า 30 ล้านบาท ซึ่งต่อมาเมื่อประมาณ เดือนกุมภาพันธ์ 2562 กลุ่มผู้เสียหายกว่า 20 ราย ได้รวมตัวกันไปพบพนักงานสอบสวนที่กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการสอบสวนกลาง เพื่อให้ติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายมาดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย ซึ่งจากตรวจสอบพบว่าพนักงานสอบสวนหลายท้องที่ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ไว้แล้วจำนวน หลายสิบหมายจับ และ น.ส. ปวริศา หรือ ภัทธนันท์ นาครอด ผู้ต้องหาอีกรายถูกจับกุมตัวแล้วในวันเดียวกัน ที่ จ.ชุมพร ถือว่าเป็นคดีที่น่าสนใจและมีผู้เสียหายจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมนำตัวส่งตัวให้กับพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร ดำเนินคดีตามกฎหมาย