ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ (4 ก.ค.2562) มีความผันผวนอย่างมาก โดยในช่วงเช้านักลงทุนยังมีการเข้าชื้อเพื่อเกร็งกำไร โดยเป็นไปตามตลาดหุ้นทั่วโลกจากความคาดหวังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค.นี้ และการผ่อนคลายการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนมากขึ้น รวมถึงความชัดเจนการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.)ทำให้ปิดเพิ่มขึ้นในแดนบวก ที่ระดับ 1,743.08 จุด เพิ่มขึ้น 4.57 จุด มูลค่าการซื้อขาย 31,523.15 ล้านบาท แต่ในช่วงบ่ายบรรยากาศตรงกันข้ามนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า นำโดยหุ้นบมจ.บีซีพีจี (BCPG) ที่นำดิ่งกว่า 8%, หุ้นบมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และหุ้นบมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ฉุดให้มีแรงขายหุ้นขนาดใหญjในกลุ่มอื่น ๆ ตามออกมากดดันภาพรวมการลงทุน ขณะที่สำนักวิจัยหลายหน่วยงานต่างออกมาปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปีนี้ ทำให้ Sentiment ตลาดไม่สดใสมากนัก ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,724.37 จุด ลดลง 14.14 จุด มูลค่าการซื้อขาย 88,848.99 ล้านบาท น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายนี้ปรับตัวลงเพราะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่บางตลาดปรับตัวลงแต่ไม่มาก คาดว่าจะเป็นการปรับฐานหลังจากที่ได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว โดยมีความเป็นไปได้ที่กองทุนจะขายออกมา หลังจากก่อนหน้านี้กองทุนก็เป็นฝ่ายขายมาตลอด อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ก็ได้แนะนำให้นักลงทุนระวังแรงขายทำกำไรอยู่แล้วเพราะสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อหลังจากที่ตลาดฯปรับตัวขึ้นไปมาก หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด5อันดับ ได้แก่ 1. EARTH ปิดที่ 0.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท 2. POLAR ปิดที่ 0.13 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท 3. WHA ปิดที่ 4.60 บาท ลดลง 0.18 บาท 4. TMB ปิดที่ 1.97 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท 5. IFEC ปิดที่ 0.64 บาท ลดลง 0.10 บาท