"มีชัย"เตรียมหารือ กกต.ปมขานนับคะแนนเสียง บัตรดี บัตรเสียบางส่วน เชื่อ คะแนนสูสีไม่เป็นผลต่อการทำงาน เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 7 ส.ค.59 ที่โรงเรียนพันธะวัฒนา เขตดุสิต แขวงดุสิต นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังจากนำคณะกรธ. เดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยออกเสียงประชามติ เพื่อติดตามการนับคะแนนของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยโรงเรียนพันธะวัฒนาและศูนย์กีฬาเยาวชนชุมชนสวนน้อย เขตดุสิต โดยนายมีชัยกล่าวว่าในการลงประชามตินั้นพบปัญหาในการนับคะแนนเสียง โดยเฉพาะการขานคะแนนบัตรออกเสียง บางหน่วยขานบัตรที่ลงคะแนนประเด็นเดียวว่าเป็นบัตรดีบางส่วน แต่บางหน่วยขานว่าเป็น บัตรเสีย แต่ขีดนับคะแนนทั้ง 2 แบบ ลักษณะนี้อาจทำให้เกิดปัญหาเวลานับบัตร เพราะจะทำให้มีบัตรเกิน แต่ประเด็นดังกล่าวจะไม่นำไปสู่การฟ้องร้อง เพราะเป็นปัญหาในการขานบัตรเท่านั้น หลังจากนี้จะต้องหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่ออบรมให้เจ้าหน้าที่ให้มีแนวทางปฏิบัติไปในทางเดียวกัน จากนั้นนายมีชัยได้เดินทางไป หน่วยออกเสียงฯศูนย์กีฬาเยาวชนชุมชนสวนน้อย พบว่าเจ้าหน้าที่ได้นับคะแนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายมีชัย จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปผลคะแนนบนกระดาน ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีคะแนนประชามติอย่างไม่เป็นทางการซึ่งมีคะแนนสูสี ประเมินว่าจะเป็นปัญหาหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า กรณีดังกล่าวขึ้นอยู่ว่าคะแนนจะสูสีมากน้อยแค่ไหน หากคะแนนห่างกันเพียง 50-100 คะแนน อาจจะมีปัญหาได้ ส่วนจะมีปัญหาอย่างไรตนไม่ทราบ เพราะตอบแทนกกต.ไม่ได้ แต่หาก เกิดความวุ่นวายฝ่ายความมั่นคงจะเป็นผู้ที่ดูแล เมื่อถามว่า หากคะแนนมีความสูสีจะทำให้เกิดแรงกดดันในการทำงานหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า เชื่อว่าไม่เป็นแบบนั้น เพราะเวลาไปเลือกส.ส. ชนะกันเพียง 400 คะแนนก็ไม่เห็นมีแรงกดดันอะไร ซึ่งคนที่ไม่ได้เป็นส.ส.ก็ไม่ได้เป็น ส่วนคนที่ได้เป็นก็เป็นอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะชนะกันเพียง 20-40 คะแนนก็ตาม เช่นเดียวกันกับผลประชามติที่ประชาชากรอังกฤษโหวตให้ประเทศออกจากสมาชิกสมาชิดสหภาพยุโรป(อียู) ผลคะแนนออกมาก็ชนะกันไม่ขาดก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ประธาน กรธ.กล่าวต่อว่าคะแนนสูสีที่ออกมา สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อมีการเลือกตั้งที่ตรงไปตรงมาและประชาชนได้ตัดสินใจ ตามความรู้สึกนึกคิดไม่มีใครมาเกี่ยวข้อง หรือมีอิทธิพลอื่นเกี่ยวข้องคะแนนก็จะออกมาคู่คี่สูสีแบบนี้ ส่วนตัวตนมองว่า ผลที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นทางไหนขอให้ยอมรับกติกาและลองคิดกลับว่า หากคะแนนเห็นชอบได้ร้อยละ 50.5 ส่วนไม่เห็นชอบได้ร้อยละ 49.5 และรู้สึกมีปัญหา หากมองกลับกันว่า คะแนนไม่เห็นชอบเป็นร้อยละ 50.5 และเห็นชอบเป็นร้อยละ 49.5 จะมีปัญหาหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่ามันก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน