ชาวบ้านห้วยฝั่งแดงบุกกระทรวงเกษตรฯ หลังผืนนาถูกน้ำท่วมจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลฯ กว่า 20 ปี ยื่นหนังสือถึง "กฤษฎา" เร่งรัดหลังยืดเยื้อกว่า 20 ปีถูกราชการต่อรองยิบจ่ายเยียวยา 20 ล้านเหลือ 13 ล้านบาทจนเบื่อหน่าย "กฤษฎา" ระบุเตรียมชงเรื่องเข้า ครม.วันนี้ เมื่อวันที่ 2 ก.ค.62 ชาวบ้านห้วยฝั่งแดง อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี ได้ทำหนังสือถึงนายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอให้เร่งรัดจ่ายค่าชดเชยค่าสูญเสียโอกาส เนื่องทนทุกข์จากการได้รับผลกระทบในโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน ซึ่งต้องทนรับความลำบากมานานกว่า 20 ปีเพราะน้ำได้ท่วมที่นาและที่ทำกินโดยไม่ได้รับการเยียวยา กรมชลประทาน ได้สร้างอ่างเก็บน้ำห้วยฝั่งแดง ทับที่นาและที่ดินซึ่งกำลังเดินสำรวจสิทธิ์ ต่อมาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้ร้องเรียนตั้งแต่น้ำท่วมตลอดทุกรัฐบาล จนกระทั่งรัฐบาลที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีมติของกรรมการทุกระดับที่พิจารณาในเรื่องนี้ ทั้งคณะทำงานระดับจังหวัดอุบลราชธานี คณะกรรมการระดับกระทรวงเกษตรฯ และคณะกรรมการของรัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ซึ่งมีนายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ต่างเห็นด้วยที่จะให้จ่ายค่าชดเชยการสูญเสียการทำประโยชน์ในที่ดินหลังฤดูเก็บเกี่ยว ในหนังสือร้องเรียน ระบุว่า ชาวบ้านห้วยฝั่งแดง 9 ครอบครัวที่มีสมาชิก 109 คน ซึ่งประสบความทุกข์ยากจากการสูญเสียที่ดินทำกินหลักของครอบครัวมาเป็นระยะเวลา 22 ปี จนสมาชิกในครอบครัวต้องแยกย้ายกันไปขายแรงงานในต่างถิ่น และมีเด็กในวัยเรียนหลายคนต้องออกจากการเรียนกลางคันเพราะต้องติดตามผู้ปกครองไปทำงานต่างจังหวัด นอกจากนี้ยังมีเด็ก-เยาวชนที่ต้องสูญเสียโอกาสด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพราะขาดรายได้จากครอบครัวสนับสนุน เนื่องจากเมื่อที่นาถูกน้ำท่วมจึงต้องเช่าที่ดินของคนอื่นเพื่อทำนา เมื่อคณะกรรมการทุกระดับต่างมีมติในการแก้ไขปัญหาอย่างครบถ้วน พวกเราจึงหวังว่าการชดเชยต่างๆ จะนำมาสู่การฟื้นคืนชีวิตคนในครอบครัวได้ทำการเกษตรและได้พัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความเป็นปกติสุขได้ดั้งเดิม จึงอยากให้ท่านรัฐมนตรีช่วยเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการตามมติเพื่อให้ทันกับห้วงฤดูกาลทำการเกษตรในปีนี้ด้วย นางมะไล เจียงเพ็ง ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยฝั่งแดงท่วมที่นากว่า 30 ไร่ กล่าวว่าในการประชุมล่าสุดที่มีนายสุวพันธ์เป็นประธาน ได้มีมติให้จ่ายเงินค่าชดเชยให้กับชาวบ้าน ทั้งนี้เมื่อปี 2559 เคยมีการคำนวณค่าเยียวยาจากการสูญเสียที่ดินทำกินให้กับชาวบ้าน 9 ครอบครัวเป็นเงิน 20.5 กว่าล้านบาท แต่เมื่อเจรจาไปๆมาๆกับหน่วยงานราชการได้ต่อรองเรื่อยๆจนลดลงเหลือเพียง 18 ล้านบาทเมื่อปี 2560 แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ต่อรองอีกที่จังหวัด ซึ่งชาวบ้านไม่อยากให้เรื่องยืดเยื้อออกไปอีก เพราะรู้สึกเหนื่อยหน่าย ล่าสุดเขาบอกว่าจะจ่ายให้ 13.9 ล้านบาท ตอนแรกเขาบอกว่าจะคำนวณค่าข้าวให้เกวียนละ 1.5 หมื่นบาท ต่อมาก็ต่อรองเรื่อยๆจนเหลือกิโลกรัมละ 10 บาท เช่นเดียวกับเรื่องค่าแรง เมื่อก่อนคำนวณค่าเยียวยาเป็นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 100 บาท ซึ่งเราก็ตกลงเพราะอยากให้เรื่องจบๆอยากจะได้มีเวลาทำมาหากิน แต่พอเรายิ่งอ่อน เขาก็ยิ่งต่อรอง จนเราถอยที่สุดแล้ว สุดท้ายเขาบอกว่าคำว่าเยียวยาผิดกฎหมายและเปลี่ยนเป็นค่าสูญเสียประโยชน์ ค่าแรงก็เปลี่ยนเป็นค่าภัยพิบัติ สรุปเหลืออยู่ 13.9 ล้าน เรายังได้ยินว่าเขาจะผ่อนจ่ายอีกต่างหาก พวกเรารู้สึกเหนื่อยมาก เขามักอ้างว่าติดระเบียนข้อกฎหมายต่างๆ ทั้งๆที่กรรมการทุกระดับต่างก็เห็นชอบหมดแล้ว แต่ระบบราชการก็ยังยืดเยื้ออยู่เรื่อยๆ จนเราต้องเดินทางไปยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ นางมะไล กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานราชการระดับอำเภอและจังหวัดพยายามเลี่ยงทุกอย่าง เมื่อตอนนายกรัฐมนตรีเดินทางมาที่จังหวัดอุบลราชธานี เจเหน้าที่ก็มาเฝ้าตนที่บ้านเพราะกลัวจะไปยื่นหนังสือกับนายกรัฐมนตรี จนนายกรัฐมนตรี กลับไปก็ยังมาเฝ้าจนตนต้องโทรแจ้งนายอำเภอไม่ให้ส่งคนมาเฝ้า ขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างมีหนี้สินล้นพ้นตัว เนื่องจากไม่มีที่ดินทำกินเพราะน้ำจากการสร้างอ่างเก็บน้ำท่วม จนหลายครอบครัวต้องไปรับจ้างที่อื่น อย่างกรณีของนายบุญเที่ยงซึ่งที่นาถูกท่วมเกือบหมด 15 ไร่ หรือกรณีของนางตวงพรมีที่ดิน 28 ไร่ ถูกน้ำท่วมหมดและสามีก็ตายแถมลูกยังเล็กจึงต้องไปหากินอยู่แถวจังหวัดจันทร์บุรี "จริงๆ แล้วค่าเยียวยาที่พวกเราได้มา มันไม่คุ้มค่าหรอก เพราะพวกเราต้องครอบครัวแตกแยก บ้านแตกสาแหรกขาด อย่างดิฉันตอนน้ำท่วม ลูกก็เล็ก พ่อแม่ก็แก่ หนี้สินเพิ่มขึ้น ภาระมากกว่ารายได้ ทำให้ลูกไม่ได้เรียนหนังสือและต้องออกมาทำงานรับจ้าง พวกเราลำบากกันมาก ซึ่งเป็นผลมาจากโครงการของรัฐ"นางมะไล กล่าว ด้านนายกฤษฎา กล่าวว่า ได้รับหนังสือแล้วจะเร่งรัดส่งเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้