พาณิชย์ระบุเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.62 อยู่ที่ 102.94 ขยายตัว 0.87% ปรับลดคาดการณ์ปีนี้เหลือ 1% จากเดิม 1.2% รับผลแรงกดดันการเมือง-เงินบาทแข็งลดต้นทุนนำเข้าสินค้า-บริการจากต่างประเทศ พร้อมการันตีไทยไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด แม้เงินเฟ้อชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ของปี62 น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรือจากช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ลดลง -0.36% จากเดือน พ.ค.62 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) ขยายตัวเฉลี่ย 0.92% โดยปัจจัยบวกที่หนุนให้เงินเฟ้อสูงขึ้น คือ สินค้ากลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผักและผลไม้, ข้าวสาร และเนื้อสุกร ส่วนปัจจัยลบที่กดดันให้เงินเฟ้อชะลอตัวคือ สินค้ากลุ่มพลังงานที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ของปี ตามราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่ปรับลดลงตามสถานการณ์ในตลาดโลก จากผลกระทบความไม่สงบในตะวันออกกลาง ประกอบกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (CORE CPI) เดือน มิ.ย.62 อยู่ที่102.55 ขยายตัว 0.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัว 0.48% จากเดือนพ.ค.62 ส่งผลให้ให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) ขยายตัวเฉลี่ย 0.58% ขณะที่ดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์อยู่ที่ 105.20 เพิ่มขึ้น 3.12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.13% จากเดือน พ.ค.62 ส่วนดัชนีหมวดอื่นๆที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม อยู่ที่ 101.68 หดตัว -0.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และหดตัว -0.64% จากเดือนพ.ค.62 ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับลดเงินเฟ้อปี 62 เหลือโต 1% ในกรอบ 0.7-1.3% จากเดิม 1.2% กรอบ 0.7-1.7% โดยการปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อดังกล่าวเพื่อให้สะท้อนกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีแนวโน้มหดตัวจากแรงกดดันของบริบททางการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศปรับตัวลดลง นอกจากนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าและบริการจากต่างประเทศลดลง ประกอบกับการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัว แสดงถึงการลดลงของแรงส่งด้านอุปสงค์จากต่างประเทศ ส่งผลให้แรงกดดันในการปรับขึ้นของราคาสินค้าและบริการมีลดลง และส่งผลดีต่อเนื่องไปยังค่าจ้างของแรงงานในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก ส่วนอุปสงค์ในประเทศยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย โดยจะเห็นได้จากเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจทั้งด้านอุปทาน และอุปสงค์เช่น ราคาสินค้าเกษตรสำคัญ(ข้าวเปลือก ยางพารา ผลไม้),รายได้เกษตรกร และอัตราค่าจ้างเฉลี่ยมีแนวโน้มดีขึ้น อีกทั้งราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มลดลง และเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าส่งผลให้ค่าครองชีพของภาคครัวเรือนชะลอการเพิ่มขึ้น ตลอดจนต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบของภาคธุรกิจลดลง ส่งผลดีต่อเนื่องไปยังการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนให้มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปีนี้ โดยคาดว่าปัจจัยเหล่านี้ จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปี 62 ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ใกล้เคียงกับปี 61 และจะส่งผลให้เงินเฟ้อของประเทศมีเสถียรภาพ อยู่ในกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินระยะปานกลางที่รัฐบาลกำหนดไว้ โดยปัจจัยหลักๆที่มีผลต่อเงินเฟ้อในช่วงครึ่งปีหลังนี้คือ ราคาน้ำมัน ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 61 แล้วน่าจะลดลง และขอยืนยันว่า ประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด แม้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ของปีนี้