พลันทีที่ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ปรากฏตัว ที่ศาลหลักเมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อสัปดาห์ก่อน กระแสโจมตี ต่อต้าน ก็สะพัดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกระทบชิ่ง ไปถึง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ด้วยเสมอ ด้วยเพราะ ถือเป็นภาพแรกหลังจากที่หายตัวเงียบไป ตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสข่าวลือมากมาย แถมรุนแรง เพราะเป็นหลักฐานแรก ที่ยืนยันว่า บิ๊กโจ๊ก ยังสบายดี อยู่เป็นปกติ ไม่ได้ถูกควบคุมตัวใดๆ และก็เป็น หลักฐานแรก ที่ทำให้ ศัตรู ของ บิ๊กโจ๊ก มั่นใจว่า เจ้าตัวยังอยู่ดีมีสุข ท่ามกลางกระแสข่าวสะพัดว่า จะ คัมแบ็ค กลับมาสวมเครื่องแบบตำรวจ และ เสียบแท่น ผช.ผบ.ตร. กระแสข่าวๆต่างๆ ถูกโหมออกมา จนทำให้ บิ๊กโจ๊ก ตกเป็นเป้าหมายใหญ่ อีกครั้ง อันสะท้อนได้ว่า บิ๊กโจ๊ก มีคนรัก เท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ และทำให้ได้รู้ว่า ใครคือ มิตรแท้ และศัตรูที่ เผยตัว เผยโฉมหน้าออกมา ทั้งการถูกโจมตีว่า มีการใช้รถนำตำรวจ ไปดูแลต้อนรับ ทั้งการกล่าวหาว่า เดินสายทำพิธีทางไสยศาสตร์ เพื่อสะเดาะเคราะห์ ให้ดวงดี ได้คัมแบ็ค จนที่สุด มีการปล่อยเอกสารคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ด้านกฎหมายและระเบียบ ที่มีชื่อบิ๊กโจ๊ก รวมอยู่ด้วยออกมา พร้อมกับกระพือข่าวว่า เป็นสัญญาณเตือนว่า เตรียมจะดัน บิ๊กโจ๊กกลับมาเติบโตในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพุ่งเป้าไปที่ บิ๊กป้อม ที่เป็นคนลงนามท้ายคำสั่ง ด้วยเหตุที่ทราบกันดีว่าบิ๊กโจ๊กถือเป็นลูกรักสีกากี คนหนึ่งของ พล.อ.ประวิตร จนพล.อ.ประวิตร ต้องออกมาสยบกระแสข่าวลือตั้ง เป็น ผช.ผบ.ตร. ด้วยการยืนยันว่าจะไม่มีการแต่งตั้ง บิ๊กโจ๊ก ในตำแหน่งใด เพราะตอนนี้ถือว่าย้ายจากตำรวจมาเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักปลัดนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามนั้น รวมถึงการเรียกประชุมด่วน ก.ตร. ก่อนที่จะมีมติให้ถอดชื่อ บิ๊กโจ๊กออกจากคณะอนุกรรมการฯ ที่เป็นการสะท้อนว่า พล.อ.ประวิตรนั้นแคร์กระแสสังคมอย่างมากในเรื่องบิ๊กโจ๊ก แม้ว่า บิ๊กโจ๊ก จะอยู่ในคณะอนุกรรมการชุดนี้มาต่อเนื่อง 3 ปีแล้ว และปีนี้ถือว่าอยู่ในฐานะตัวแทนจากสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร ก็ตัดปัญหาต่างๆโดยการไฟเขียวให้เอาชื่อบิ๊กโจ๊กออกไป ด้วยเพราะอะไรที่เกี่ยวข้องกับบิ๊กโจ๊ก พล.อ.ประวิตร จะพยายามถอยตัวออกมา แม้แต่กำหนดการเดินทางไปยุโรปเพื่อพักผ่อน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เมื่อข่าวรั่วออกมาก่อน ตามมาด้วยกระแสข่าวลือว่า จะบินไปหาบิ๊กโจ๊กก็ทำให้พล.อ.ประวิตร ยกเลิกการเดินทาง แบบกะทันหัน จนทำให้ บิ๊กโจ๊ก ต้องออกมาให้ข่าวให้สัมภาษณ์นักข่าวเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 เดือนชี้แจงประเด็นต่างๆที่ถูกพาดพิง ทั้งการยืนยันว่าไม่ได้ไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ใดๆ ที่วัดพระแก้ว วัดช้างให้ วัดพะโค๊ะ หรือ ศาลหลักเมือง ใดๆ แต่เดินสายทำบุญเช่นที่เคยปฏิบัติมาเท่านั้น ที่สำคัญคือการประกาศว่าจะไม่สนใจว่าจะได้รับการโอนย้ายกลับไปเป็นตำรวจอีกหรือไม่ แต่ในเมื่อวันนี้ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้มาอยู่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ต้องทำอย่างเต็มที่ อีกทั้ง เพราะงานที่ได้รับมอบหมายคือการช่วยเหลือประชาชน ศูนย์ร้องเรียน ทำเนียบรัฐบาล และการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ จึงทำให้บิ๊กโจ๊ก ยังมีกำลังใจในการทำงาน ทั้งนี้ในช่วงกว่า 2 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่ตกเป็นข่าวครึกโครม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ก็เก็บตัวเงียบ ด้วยการเดินทางกลับบ้าน และลาพักร้อน เดินทางไปพักผ่อนที่มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา กับเพิ่อนสนิท รวมทั้ง เดินสายชี้แจง ผู้ใหญ่ ในปมประเด็นที่ถูกกล่าวหา พร้อมเอกสารหลักฐานชุดใหญ่ โดยมีรายงานข่าวว่าพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้ไปชี้แจงทั้ง กับ พล.อ.ประวิตร และกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จนเข้าใจแล้วด้วย จนอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของกระแสข่าวที่ว่า บิ๊กโจ๊ก จะได้รับคืนความชอบธรรมให้โอนย้ายจากข้าราชการพลเรือนสามัญ กลับมาเป็นตำรวจ กลับมาสวมเครื่องแบบตำรวจ เหมือนเดิม แต่ก็รู้กันดีว่า กรณีของ บิ๊กโจ๊กนั้นไม่ว่า นายกฯ หรือพล.อ.ประวิตร ก็ไม่สามารถตัดสินใจได้โดยลำพัง จึงทำให้ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ออกมาปฏิเสธข่าวการคัมแบ็คสู่การเป็นตำรวจ อีกครั้ง ของบิ๊กโจ๊กไปเสียแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะลามมาถึงตัว พล.อ.ประวิตร ต้องไม่ลืมว่าบิ๊กโจ๊ก นั้นถูกวางตัวให้เป็น ผบ.ตร. ในอนาคต แต่เมื่อก้าวพลาด ก็ถูกรุมสกรัม ผ้าป่าสามัคคี เพราะทำให้คนที่อยู่ในข่ายเป็นแคนดิเดต มีโอกาสลุ้นเก้าอี้ ก็ย่อมต้องผสมโรงสกัดกั้นการคัมแบ็ค ของ บิ๊กโจ๊ก ด้วย ต่อให้เดินสายไหว้พระทำบุญสร้างโบสถ์สร้าง วิหารมากน้อยแค่ไหน แต่บิ๊กโจ๊ก ก็คงจะต้องเก็บตัวเงียบอีกสักระยะ แต่ที่เห็นได้ชัดเจนคือทั้ง พล.อ.ประวิตร และบิ๊กโจ๊ก ลูกเลิฟ ล้วนเป็นตำบลกระสุนตก เหมือนกัน