เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่หอประชุมพระนารายณ์ อาคารรัตนเทพสตรี มหาวิทยาลัยราชภัฎเทพสตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบคืนโฉนดและทรัพย์สิน คืนความสุขให้ประชาชนลดความเหลื่อมล้ำของสังคมครั้งที่ 12โดยภายในงานมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.ชัยวัตน์ เกตุวรชัย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผบ.ตร ในฐานะรองผอ.ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปฉช.ตร.)พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง รองผบช.ภ.4 พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ผบก.สส.บช.ภ.4
พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ รองผบก.สส.บช.ภ.4 พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.ธนารัตน์ มีทองหลาง ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สส.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รองผกก.ป สน.ลุมพินี ตลอดจนผู้แทนหน่วยงานราชการต่างๆให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ระหว่างที่ทางพล.อ.ประวิตร กำลังเดินเข้าห้องประชุมเพื่อเปิดงานคืนโฉนดปรากฎว่า ได้มีชาวบ้านกว่า 30 ราย ที่เดินทางมาจากจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดเลย ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการที่ถูกริบโฉนดที่ดินคืน เดินทางมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ทางรองนายกรัฐมนตรีได้รับเรื่องราวร้องทุกข์ไว้พร้อมสั่งการให้ชุดทำงานศปอส.ตร. โดยพล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง รองผบช.ภ.4 เป็นผู้รับเรื่องราวและสอบถามข้อเท็จจริง
โดยนางแสงจันทร์ บุตรเขียว ชาวชัยภูมิ 48 ปี กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่นำโฉนดที่ดินไปจำนองกับนายทุนเงินกู้ในพื้นที่อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ซึ่งมีสุพล ผลสมบูรณ์สุข เป็นนายทุนเงินกู้ โดยได้เงินจากการจำนองโฉนดที่ดินมากว่า 300,000 บาท และตนก็พยายามที่จะไถ่ถอนแต่นายทุนให้นำเงินกว่า1.7 ล้านบาทมาไถ่ถอน ต่อมาได้มีการดำเนินการเจรจาประนอมหนี้ในการไถ่ถอน และเข้าสู่กระบวนการในการคืนโฉนดของทางจังหวัดเมื่อครั้งที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาโดยจัดคู่ขนานกับที่จ.พิษณุโลก ทั้งนี้ภายหลังจากได้รับการคืนโฉนดปรากฏว่าระหว่างที่เดินทางกลับจนถึงที่จ.ชัยภูมิได้มีการริบโฉนดคืนทำให้ตนนั้นเสียสิทธิ์ในการที่จะได้โฉนดกลับไปเป็นของตน
สอดรับกับหนึ่งในผู้เสียหายที่กล่าวว่า ในการคืนโฉนดครั้งที่ผ่านมาซึ่งจัดทางจังหวัดนครราชสีมาจัดขึ้น พบว่าชื่อของตนเองถูกนำไปสวมอ้างในการรับโฉนด ทั้งที่ความเป็นจริงตนเองไม่ได้รับโฉนดคืนแม้แต่ครั้งเดียว
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า. การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบถือเป็นหัวใจสำคัญ ที่รัฐบาลได้ขับเคลื่อนนโยบายแบบบูรณาการ เพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรมทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ยกระดับชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ในวันนี้ถือเป็นครั้งที่12 ได้มีการคืนโฉนดให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพี่น้องประชาชนในจังหวัดลพบุรีและพื้นที่ภาคกลางที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการทำสัญญากู้ยืมอันไม่เป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการทั่วประเทศ โดยภาพรวมถือว่าเป็นที่พอใจ และยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อหากได้อยู่ต่อ เพราะถือเป็น “วาระแห่งชาติ” ของรัฐบาลสมัยหน้าด้วย ขอบคุณเจ้าหนี้นอกระบบ ที่ร่วมมือ ยอมเจรจาไกล่เกลี่ย และขอบคุณตำรวจเจ้าหน้าที่ ทุกฝ่ายที่ช่วยกัน
ที่ผ่านมาทางรัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำสางปัญหาหนี้นอกระบบที่ฝังรากลึกมาตลอดระยะเวลาหลายปี ประชาชนบางคนถูกนายทุนยึดที่ดินทำกินไปมากกว่า 10-20 ปี ซึ่งประชาชนที่ได้รับโฉนดคืนไปก็ขออย่านำไปกู้นอกระบบ หรือนำไปจำนองอีก ก็อยากจะให้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ใช้ทำมาหากินอย่างถูกต้อง อีกทั้งรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะทำคนยากจนเข้าสู่ระบบแหล่งการเงินมากขึ้น โดยไม่ต้องพึงแหล่งเงินกู้นอกระบบ และสนับสนุนระบบฟิโกไฟแนนซ์ นาโนไฟแนนซ์ ทำให้นายทุนเข้าสู่ระบบมากที่สุด เพื่อไม่ให้ประชาชนมีหนี้สิน
ซึ่งการทำงานของรัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังการเมืองหวังให้ประชาชนนั้นมีความสุขทั้งนี้เดินไปด้วยควบคู่กันไป ในการบังคับใช้กฎหมายและการเจรจาที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร ทำให้กับประชาชนลดปัญหาความเหลื่อมล้ำเพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่ที่อาศัยที่ดินทำกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวนาชาวไร่ให้มีที่ทำกินและไม่ไปเช่าที่ตนเองกับคนอื่น พร้อมทั้ง ให้ กอ.รมน. ประสานกลไกระดับพื้นที่ ตามเข้าไปสนับสนุนลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างฟื้นตัว เพื่อให้กลับมาเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากจะฝากอะไรถึงผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์โครงการนี้ ทางรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สื่อก็ต้องตอบให้ผมสิ เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว ยังมีประชาชนอีกกว่า 30 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากหนี้นอกระบบ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีทางรัฐบาลจึงเน้นเป็นวาระแห่งชาติ ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านมาร้องเรียนเรื่องโฉนดตกหล่นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือแล้ว สำหรับภาพรวมของการมอบคืนโฉนดที่ดินแก่เหยื่อนายทุนดอกเบี้ยโหดที่ผ่านการไกล่เกลี่ยตามนโยบายของรัฐบาลทั่วประเทศครั้งที่12 มีลูกหนี้ได้รับโฉนดคืน ทั่วประเทศกว่า 1,038 ราย คืนโฉนด จำนวน 952 ฉบับ คิดเป็นเนื้อที่ 1,696 ไร่ 3 งาน 97.7 ตารางวา คิดเป็นมูลค่า3,008,340,135 บาท โดยในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 ไกล่เกลี่ยได้ 567 ราย รวมโฉนด 661 ฉบับ เนื้อที่ 1,050 ไร่ 3 งาน 74 ตร.วา มูลค่า 2,896 ล้านบาทเศษ อย่างไรก็ตามจากการดำเนินการตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ได้ทำการคืนโฉนดให้กับประชาชน 25,052 ราย คืนโฉนด จำนวน 21,312 ฉบับ เนื้อที่ 59,345 ไร่ 2 งาน 40.42 ตารางวา คิดเป็นมูลค่า30,622,828,496 บาท รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
ขณะที่เสียงสะท้อนของชาวบ้านที่ได้รับโฉนดคืนครั้งนี้ โดยนายประสิทธิ อ่วมสุข ชาวจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้ได้รับโฉนดที่ดินคืนจากโครงการความสุขให้ประชาชนลดความเหลื่อมล้ำของสังคมครั้งที่ 12 ซึ่งรู้สึกดีใจมากที่สามารถนำโฉนดที่ดินกลับคืนมาได้ ขอบคุณตำรวจสมุทรปราการที่ให้การช่วยเหลือ คำปรึกษาต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ได้นำโฉนดที่ดินเนื้อที่ 45 ตร.วา ในอำเภอพระประแดง โดยมีการนำไปจำนองกับนายทุนในราคา 3 แสนบาท ซึ่งนายทุนได้คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี และได้ทยอยใช้เรื่อยมา ทั้งนี้จากการที่รัฐบาลยื่นมือเข้ามาช่วยทำให้การเจรจาประนอมหนี้กับนายทุนเป็นไปอย่างถูกต้อง และมีการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ จนได้รับโฉนดที่ดินคืน
นายอุบล ถ้วยทอง อายุ 66 ปี ชาวบ้านบ้านทราย ต.บ้านทราย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี กล่าวว่า ตนได้กู้เงินนางคำ ซึ่งนายทุนเงินกู้ อ.บ้านหมี่ จำนวน 110.000 บาท โดยใช้โฉนดที่ดินบ้านพักเนื้อที่ 50 ตารางวา เป็นหลักค้ำประกัน เพื่อต้องการเอาเงินมาลงทุนค้าขายข้าวแกง โดยกู้ตั้งแต่ปี 2558 ช่วงแรกก็ส่งต่อเบี้ยร้อยละ 5 ทุกเดือน มาระยะหลังค้าขายลำบาก ทำให้บางเดือนไม่สามารถส่งดอกเบี้ยได้ทัน เจ้าหนี้ก็เห็นใจลดดอกเบี้ยให้เหลือร้อยละ 4 ต่อเดือน ผ่านมา 4 ปี ยังไม่สามารถหาเงินต้นไปไถ่ถอนโฉนดที่ดิน เกิดความเครียดจนบางคืนนอนไม่หลับเพราะไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากใคร
จนกระทั้งได้ดูข่าวการคืนโฉนดที่ดิน ในภาคอีสาน ทำให้มีความหวังจึงเข้าร้องเรียนที่ สภ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี โดยหลังข้าร้องเรียนตำรวจได้เชิญเจ้าหนี้มาเจรจาจนกระทั่ง ได้ขอตกลงว่าเจ้านียินดีคืนโฉนดให้เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปี นายอุบล ส่งดอกเบี้ยจนเกินเงินต้นแล้ว อย่างไรก็ตามขอขอบคุณรัฐบาล โดยเฉพาะพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และตำรวจที่ให้การช่วยเหลือ โดยต่อจากนี้จะเก็บรักษาโฉนดที่ดินไว้เป็นอย่างดี พร้อมยืนยันจะไม่ไปกู้เงินนายทุนอีกเด็ดขาด
ทั้งนี้มีรายงานว่ามีชาวบ้านบางส่วนที่ได้รับโฉนดคืนต่างรีบเดินออกจากห้องประชุมทันที ทั้งนี้พิธีการยังไม่เสร็จ หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าในบางพื้นที่มีการยึดโฉนดหลังจากได้รับแจกไป
โดยนางแสงจันทร์ บุตรเขียว ชาวชัยภูมิ 48 ปี กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่นำโฉนดที่ดินไปจำนองกับนายทุนเงินกู้ในพื้นที่อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ซึ่งมีสุพล ผลสมบูรณ์สุข เป็นนายทุนเงินกู้ โดยได้เงินจากการจำนองโฉนดที่ดินมากว่า 300,000 บาท และตนก็พยายามที่จะไถ่ถอนแต่นายทุนให้นำเงินกว่า1.7 ล้านบาทมาไถ่ถอน ต่อมาได้มีการดำเนินการเจรจาประนอมหนี้ในการไถ่ถอน และเข้าสู่กระบวนการในการคืนโฉนดของทางจังหวัดเมื่อครั้งที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาโดยจัดคู่ขนานกับที่จ.พิษณุโลก ทั้งนี้ภายหลังจากได้รับการคืนโฉนดปรากฏว่าระหว่างที่เดินทางกลับจนถึงที่จ.ชัยภูมิได้มีการริบโฉนดคืนทำให้ตนนั้นเสียสิทธิ์ในการที่จะได้โฉนดกลับไปเป็นของตน
สอดรับกับหนึ่งในผู้เสียหายที่กล่าวว่า ในการคืนโฉนดครั้งที่ผ่านมาซึ่งจัดทางจังหวัดนครราชสีมาจัดขึ้น พบว่าชื่อของตนเองถูกนำไปสวมอ้างในการรับโฉนด ทั้งที่ความเป็นจริงตนเองไม่ได้รับโฉนดคืนแม้แต่ครั้งเดียว
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า. การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบถือเป็นหัวใจสำคัญ ที่รัฐบาลได้ขับเคลื่อนนโยบายแบบบูรณาการ เพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรมทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ยกระดับชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ในวันนี้ถือเป็นครั้งที่12 ได้มีการคืนโฉนดให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพี่น้องประชาชนในจังหวัดลพบุรีและพื้นที่ภาคกลางที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการทำสัญญากู้ยืมอันไม่เป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการทั่วประเทศ โดยภาพรวมถือว่าเป็นที่พอใจ และยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อหากได้อยู่ต่อ เพราะถือเป็น “วาระแห่งชาติ” ของรัฐบาลสมัยหน้าด้วย ขอบคุณเจ้าหนี้นอกระบบ ที่ร่วมมือ ยอมเจรจาไกล่เกลี่ย และขอบคุณตำรวจเจ้าหน้าที่ ทุกฝ่ายที่ช่วยกัน
ที่ผ่านมาทางรัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำสางปัญหาหนี้นอกระบบที่ฝังรากลึกมาตลอดระยะเวลาหลายปี ประชาชนบางคนถูกนายทุนยึดที่ดินทำกินไปมากกว่า 10-20 ปี ซึ่งประชาชนที่ได้รับโฉนดคืนไปก็ขออย่านำไปกู้นอกระบบ หรือนำไปจำนองอีก ก็อยากจะให้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ใช้ทำมาหากินอย่างถูกต้อง อีกทั้งรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะทำคนยากจนเข้าสู่ระบบแหล่งการเงินมากขึ้น โดยไม่ต้องพึงแหล่งเงินกู้นอกระบบ และสนับสนุนระบบฟิโกไฟแนนซ์ นาโนไฟแนนซ์ ทำให้นายทุนเข้าสู่ระบบมากที่สุด เพื่อไม่ให้ประชาชนมีหนี้สิน
ซึ่งการทำงานของรัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังการเมืองหวังให้ประชาชนนั้นมีความสุขทั้งนี้เดินไปด้วยควบคู่กันไป ในการบังคับใช้กฎหมายและการเจรจาที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร ทำให้กับประชาชนลดปัญหาความเหลื่อมล้ำเพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่ที่อาศัยที่ดินทำกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวนาชาวไร่ให้มีที่ทำกินและไม่ไปเช่าที่ตนเองกับคนอื่น พร้อมทั้ง ให้ กอ.รมน. ประสานกลไกระดับพื้นที่ ตามเข้าไปสนับสนุนลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างฟื้นตัว เพื่อให้กลับมาเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากจะฝากอะไรถึงผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์โครงการนี้ ทางรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สื่อก็ต้องตอบให้ผมสิ เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว ยังมีประชาชนอีกกว่า 30 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากหนี้นอกระบบ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีทางรัฐบาลจึงเน้นเป็นวาระแห่งชาติ ส่วนกรณีที่มีชาวบ้านมาร้องเรียนเรื่องโฉนดตกหล่นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือแล้ว สำหรับภาพรวมของการมอบคืนโฉนดที่ดินแก่เหยื่อนายทุนดอกเบี้ยโหดที่ผ่านการไกล่เกลี่ยตามนโยบายของรัฐบาลทั่วประเทศครั้งที่12 มีลูกหนี้ได้รับโฉนดคืน ทั่วประเทศกว่า 1,038 ราย คืนโฉนด จำนวน 952 ฉบับ คิดเป็นเนื้อที่ 1,696 ไร่ 3 งาน 97.7 ตารางวา คิดเป็นมูลค่า3,008,340,135 บาท โดยในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 ไกล่เกลี่ยได้ 567 ราย รวมโฉนด 661 ฉบับ เนื้อที่ 1,050 ไร่ 3 งาน 74 ตร.วา มูลค่า 2,896 ล้านบาทเศษ อย่างไรก็ตามจากการดำเนินการตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ได้ทำการคืนโฉนดให้กับประชาชน 25,052 ราย คืนโฉนด จำนวน 21,312 ฉบับ เนื้อที่ 59,345 ไร่ 2 งาน 40.42 ตารางวา คิดเป็นมูลค่า30,622,828,496 บาท รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
ขณะที่เสียงสะท้อนของชาวบ้านที่ได้รับโฉนดคืนครั้งนี้ โดยนายประสิทธิ อ่วมสุข ชาวจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้ได้รับโฉนดที่ดินคืนจากโครงการความสุขให้ประชาชนลดความเหลื่อมล้ำของสังคมครั้งที่ 12 ซึ่งรู้สึกดีใจมากที่สามารถนำโฉนดที่ดินกลับคืนมาได้ ขอบคุณตำรวจสมุทรปราการที่ให้การช่วยเหลือ คำปรึกษาต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ได้นำโฉนดที่ดินเนื้อที่ 45 ตร.วา ในอำเภอพระประแดง โดยมีการนำไปจำนองกับนายทุนในราคา 3 แสนบาท ซึ่งนายทุนได้คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี และได้ทยอยใช้เรื่อยมา ทั้งนี้จากการที่รัฐบาลยื่นมือเข้ามาช่วยทำให้การเจรจาประนอมหนี้กับนายทุนเป็นไปอย่างถูกต้อง และมีการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ จนได้รับโฉนดที่ดินคืน
นายอุบล ถ้วยทอง อายุ 66 ปี ชาวบ้านบ้านทราย ต.บ้านทราย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี กล่าวว่า ตนได้กู้เงินนางคำ ซึ่งนายทุนเงินกู้ อ.บ้านหมี่ จำนวน 110.000 บาท โดยใช้โฉนดที่ดินบ้านพักเนื้อที่ 50 ตารางวา เป็นหลักค้ำประกัน เพื่อต้องการเอาเงินมาลงทุนค้าขายข้าวแกง โดยกู้ตั้งแต่ปี 2558 ช่วงแรกก็ส่งต่อเบี้ยร้อยละ 5 ทุกเดือน มาระยะหลังค้าขายลำบาก ทำให้บางเดือนไม่สามารถส่งดอกเบี้ยได้ทัน เจ้าหนี้ก็เห็นใจลดดอกเบี้ยให้เหลือร้อยละ 4 ต่อเดือน ผ่านมา 4 ปี ยังไม่สามารถหาเงินต้นไปไถ่ถอนโฉนดที่ดิน เกิดความเครียดจนบางคืนนอนไม่หลับเพราะไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากใคร
จนกระทั้งได้ดูข่าวการคืนโฉนดที่ดิน ในภาคอีสาน ทำให้มีความหวังจึงเข้าร้องเรียนที่ สภ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี โดยหลังข้าร้องเรียนตำรวจได้เชิญเจ้าหนี้มาเจรจาจนกระทั่ง ได้ขอตกลงว่าเจ้านียินดีคืนโฉนดให้เพราะตลอดระยะเวลา 4 ปี นายอุบล ส่งดอกเบี้ยจนเกินเงินต้นแล้ว อย่างไรก็ตามขอขอบคุณรัฐบาล โดยเฉพาะพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และตำรวจที่ให้การช่วยเหลือ โดยต่อจากนี้จะเก็บรักษาโฉนดที่ดินไว้เป็นอย่างดี พร้อมยืนยันจะไม่ไปกู้เงินนายทุนอีกเด็ดขาด
ทั้งนี้มีรายงานว่ามีชาวบ้านบางส่วนที่ได้รับโฉนดคืนต่างรีบเดินออกจากห้องประชุมทันที ทั้งนี้พิธีการยังไม่เสร็จ หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าในบางพื้นที่มีการยึดโฉนดหลังจากได้รับแจกไป