68% เป็นเด็กเล็กต่ำกว่า 3 ขวบ พบหน้าฝนป่วยกันมาก แนะผู้ปกครองสังเกตอาการลูกหลาน รักษาช้าเสี่ยงอันตราย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดก.สาธารณสุขกล่าวว่า ในช่วงหน้าฝน เด็กเล็กมักป่วยบ่อยจากโรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งมือเท้าปาก ซึ่งในเดือนมิ.ย. – ส.ค.ของทุกปี ช่วง 3 เดือนหน้าฝนเป็นช่วงที่พบผู้ป่วยสูง โดยในปี 61 พบผู้ป่วยมือเท้าปาก 34,630 ราย คิดเป็นร้อยละ 50 ของจำนวนผู้ป่วยตลอดทั้งปี สำหรับในปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค.– 17 มิ.ย.62 พบผู้ป่วย 14,294 ราย เฉพาะวันที่ 1 - 17 ม.ย. พบแล้ว 1,603 ราย ผู้ป่วยร้อยละ 68 เป็นเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง เฝ้าระวังสถานการณ์โรค และให้คำแนะนำศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล/ประถมศึกษา คัดกรองเด็กทุกวัน และล้างมือให้เด็กบ่อยๆ หากพบเด็กมีไข้ มีตุ่มแดงหรือมีแผลในปาก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ส้นเท้า ขอให้แจ้งผู้ปกครอง รับเด็กกลับบ้าน และทำความสะอาดห้องเรียน ของเล่น เครื่องเล่น เครื่องใช้ โต๊ะ เก้าอี้ ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งนี้ ขอให้หมั่นล้างมือให้เด็ก หากเด็กมีไข้ บ่นเจ็บในปาก กลืนน้ำลายไม่ได้ ไม่กินอาหาร ไม่ดูดนม อาจมีน้ำลายไหล ให้สังเกตภายในปากว่ามีตุ่มแผล หรือมีตุ่มพองสีขาวขุ่น รอบๆ เป็นสีแดงที่นิ้วมือ นิ้วเท้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ส้นเท้า กดเจ็บ ไม่ค่อยแตกเป็นแผล ในเด็กเล็กๆ บางครั้งจะพบมีผื่นนูนสีแดงเล็กที่ก้น ส้นเท้า อาจเป็นโรคมือเท้าปาก ขอให้หยุดเรียน เพื่อป้องกันแพร่เชื้อสู่เด็กคนอื่น แต่หากเด็กมีอาการแทรกซ้อน เช่น ไข้สูง ซึม อาเจียน หอบ ให้รีบนำเด็กไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที ปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาหรือวัคซีนป้องกัน แพทย์จะรักษาตามอาการ ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องรับไว้นอนรักษาในโรงพยาบาล โดยให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด หยอดยาชาในปาก เพื่อลดอาการเจ็บแผลที่ปาก ดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยขาดน้ำ หรือให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด ส่วนใหญ่จะหายได้เองประมาณ 1 สัปดาห์ ส่วนเด็กที่มีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น รับประทานอาหารหรือนมไม่ได้ มีอาการสมองอักเสบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ภาวะปอดบวมน้ำ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้ออ่อนแรงคล้ายโปลิโอ แพทย์จะรับไว้รักษาดูอาการใกล้ชิดในโรงพยาบาล