สุรินทร์-เป็นงง..จู่ๆเสาสัญญาณไฟจราจรถนนหลัก ล้มลงขวางถนนในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ หวิดทับรถยนต์และผู้คน กำลังใช้ถนนสัญจรไปมา พบเสาไฟสัญญาณไม่มีอะไรยึดเสา ชาวบ้านจี้ให้เทศบาลเร่งตรวจสอบ เนื่องจากมีอีกหลายจุด หวั่นเกิดเหตุกับชาวบ้านที่ใช้ถนนสัญจรไปมา วันนี้ (26 มิ.ย. 62) ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงตลาดน้อย ถนนหลักเมือง ภายในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์ เร่งอำนวยความสะดวกการจราจรที่บริเวณสี่แยกไฟแดงดังกล่าว ซึ่งถนนดังกล่าวเป็นถนนหลักผ่านตัวเมืองออกไปยังจ.ศรีสะเกษและบุรีรัมย์ ผู้คนจำนวนมากจะต่อใช้เส้นทางเส้นดังกล่าวสัญจรไปมา เนื่องจากเกิดเหตุจู่ๆเสาไฟให้สัญญาณจราจรจุดบริเวณเกิดล้มลงมาขวางถนน โดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้สัญญาณไฟจราจรเขียวแดงและป้ายดิจิตอลที่แจ้งเวลา ซึ่งติดปลายเสาไฟแดงล้มลงกระแทกพื้นถนนเสียหาย โดยเสาไฟสัญญาณจราจรดังกล่าวได้ล้มขวางถนน ในช่วงเกิดแหตุเป็นช่วงที่มีรถยนต์และผู้คนสัญจรจรไปมาในถนนเส้นนี้จำนวนมาก นับว่าโชคดีที่ไม่มีรถยนต์เสียหายละผู้คนได้รับบาดเจ็บจากตุการที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามจุดสี่แยกไฟแดงจุดดังกล่าวเมื่อไฟสัญญาณจราจรดังกล่าวเป็นไฟแดง จะมีรถยนต์และรถยนต์จักรยานยนต์จอดรอสัญญาณไฟจำนวนมาก ทั้งผู้ที่จะไปจับจ่ายตลาดสดและไปส่งไปรับบุตรหลานกลับจากโรงเรียน สำหรับเสาไฟให้สัญญาณจราจรจุดแยกตลาดน้อยแห่งนี้ เป็นเสาเดี่ยวที่ปลายจะติดไฟสัญญาณจราจร พร้อมจอดิจิตอลสำหรับตั้งเวลาให้สัญญาณไฟจราจร ตั้งอยู่บนฟุตบาทถนน เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านที่พบเห็นเข้าไปตรวจสอบพบว่าที่โคนเสาซึ่งฝังลงไปในดินประมาณ 30-40 เซนติเมตร กลับไม่มีการทำตอหม้อ หรือที่ยึดให้แข็งแรง เป็นเพียงการฝั่งลงไปในดินและมีการนำปูนไปแปะติดไว้เท่านั้น คาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เสาไฟสัญญาณจราจรล้มลงไปขวางถนนดังกล่าว หลังเกิดเหตุทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างของเทศบาลเมืองสุรินทร์ ข้ามาตรวจสอบและทำการเร่งเคลียร์เสาสัญญาณไฟจราจรที่ล้มออกจากถนน เพื่อให้การจราจรในเส้นทางดังกล่าวได้เป็นปกติ ในขณะที่ชาวบ้านที่เข้าไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็บอกว่า นับเป็นเรื่องที่กระทบต่อความปลอดภัยชาวบ้านที่ใช้รถใช้ถนนเส้นนี้เป็นอย่างมาก การตรวจงานของเทศบาลบาลเมืองสุรินทร์ปล่อยให้เกิดเหตุแบบนี้ได้อย่างไร การฝั่งเสาไฟให้สัญญาณจราจรที่ติดถนน กลับไม่มีที่ยึด อยากให้มีการตรวจสอบจุดที่เหลือ ซึ่งมีอีกหลายจุด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อประชาชนต่อไป