"ชาญศิลป์"ยอมรับปตท.ปรับลดกำไรลงเล็กน้อย หลังเกิดสงครามการค้าสหรัฐ-จีน พร้อมปรับแผนลงทุนใหม่อีก1.04แสนล.รองรับพัฒนาท่าเรือมาบตาพุดระยะ 3 เตรียมทบทวนงบลงทุน5ปีช่วงปลายปี เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. เปิดเผยว่า ปตท.ปรับลดเป้าหมายกำไรในปีนี้ลงเล็กน้อยจากเป้าหมายเดิมในช่วงต้นปี หลังจากมองว่าธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมียังคงได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้ส่วนต่าง (สเปรด) ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและน้ำมันยังคงอ่อนแอ กดดันต่อผลประกอบการของบมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) บมจ.ไทยออยล์ (TOP) ซึ่งเป็นบริษัทลูก แม้แนวโน้มของธุรกิจบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ข(PTTEP) จะมีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นก็ยังไม่สามารถเข้ามาชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ปตท.ได้ปรับแผนลงทุนในปีนี้ใหม่ โดยเพิ่มงบลงทุนปีนี้อีกราว 3.32 หมื่นล้านบาท เป็น 1.04 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการปรับเพิ่มในธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรม เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ที่คาดว่าจะเซ็นสัญญากับรัฐบาลในราวเดือนก.ค.นี้ รวมถึงการเพิ่มทุนในบมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เพื่อรักษาสัดส่วนการลงทุนและก็มีโอกาสที่จะเพิ่มการถือหุ้นใน GPSC อีกเล็กน้อย ตลอดจนใช้ลงทุนในรูปแบบ Venture Capital เพื่อการเติบโตในระยะยาว อย่างไรก็ตามปตท.จะมีการทบทวนงบประมาณลงทุนตามแผนลงทุน 5 ปีอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะมีเรื่องสำคัญ 2-3 เรื่องที่เกึ่ยวเนื่องกับพลังงานรอนำเสนอคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาต่อไปด้วย ///////