จากกรณีโลกโซเชี่ยลมีการโพสคลิปวีดิโอและข้อความที่มีชายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายสืบสวนสน.ประเวศ เข้าทำร้ายร่างกายผู้ขับขี่รถกระบะ เนื่องจากโกรธแค้น ที่ชายคนขับรถกระบะ ขับปาดหน้ารถของตนเอง จนเป็นที่วิจารณ์ถึงการกระทำที่รุนแรงและสร้างความเสื่อมเสียแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 24 มิ.ย.62 พ.ต.อ.อภิวัชร์ ไชยศรีสุทธิ์ ผกก.สน.ประเวศ พร้อมด้วยคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายได้แก่นายขวัญใจ กงกวย อายุ 37 ปี ผู้เสียหายและนายพลวัฒน์ กรณ์นันทลักษณ์ อายุ 41 ปี ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำพร้อมทั้งดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ใน 4 ข้อหา นายขวัญใจ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเองขับรถกระบะ ยี่ห้อเชฟโรเลต รุ่นโคโรลาโด้ สีดำ เลขทะเบียน บม 8939 สกลนคร ออกจากซอยพัฒนาการ58 แขวง-เขตสวนหลวง ซึ่งกำลังเตรียมที่จะเลี้ยวขวาโดยได้มองรถจากทางด้านขวา เห็นว่าถนนว่างและไม่มีรถ จึงขับออกมาแต่ขณะนั้น ได้ยินเสียงรถอีกคันเบรคเสียงดัง จึงคิดว่ารถคันหลังหน้าจะเบรคเพื่อหลบรถแท๊กซี่ที่วิ่งคู่กันมา จากนั้นเจ้าของรถกระบะได้ลงมาทำร้ายร่างกายและด่าทอด้วยคำหยาบคาย รวมถึงมีการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สน.ประเวศ พร้อมข่มขู่ว่ามีอาวุธปืนอยู่ในรถ และข่มขู่จะฆ่าให้ตาย จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความที่สน.ประเวศ ด้าน พ.ต.อ.อภิวัชร์ กล่าวว่าหลังจากรับเรื่องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเป็นการแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ทำการตรวจสอบพร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนติดตามตัวคนก่อเหตุมาดำเนินคดี จนกระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายพลวัฒน์ กรณ์นันทลักษณ์ อายุ 41 ปี ขับขี่รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีเทาน้ำเงิน เลขทะเบียน 1ฒล9882 กรุงเทพ จึงนำตัวมาสอบสวน จากการสอบสวนนายพลวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง สาเหตุที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ประกอบกับขณะเดินไปที่รถคู่กรณี เห็นลูกชายคนขับรถทำทีเหมือนหยิบสิ่งของใต้เบาะ จึงกลัวว่าจะมีอาวุธและกลัวถูกทำร้าย จึงตัดสินใจอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อป้องกันตัวเอง "ยอมรับว่าตนเองรู้สึกโมโหและใจร้อน ที่ฝั่งคู่กรณี ไม่มีการขอโทษที่ขับรถตัดหน้ากะทันหัน แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนทุกคนมีสติ และใจเย็น เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น" นายพลวัฒน์กล่าว เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งดำเนินคดี 4 ข้อหาได้แก่ข้อหาทำร้ายร่างกาย, ข้อหาแสดงตนเป็นเจ้าพนักงาน แอบอ้างตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ, ข้อหาข่มขู่ทำให้ตกใจกลัว และข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า โดยจะทำการสอบปากคำและส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
เครดิตคลิป : เพจเฟซบุ๊ก สายลุย คุยกับด่าน