เมื่อวันนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เลือกแล้วว่าเขาจะไม่ลงจากหลังสือ แต่เลือกที่จะขี่เสือเป็นรอบสอง นั่นหมายความว่า บิ๊กตู่ ต้องเตรียมการตั้งรับ และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่างที่จะโถมเข้าใส่ โดยจะไม่ยอมหันหลังกลับอย่างแน่นอน ! สถานการณ์การเมืองไทยวันนี้เต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวที่ดุเดือดในทุกแนวรบ ทั้งในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ด้วย “7พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ผนึกกำลังเตรียมเปิดเกม “เขย่า” ตัวพล.อ.ประยุทธ์ กันแต่ตั้งแต่ไก่โห่ ด้วยการยื่นญัตติให้มีการตรวจสอบการสรรหา “250 สว.” ซึ่งแน่นอนว่า จากปมประเด็นเรื่องนี้ ย่อมจงใจดึง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาสว.ลงมาชำแหละกลางสภาฯ ขณะเดียวกัน ยังปรากฏว่า “ศึกใน” ทั้งภายในพรรคพลังประชารัฐ ไปจนถึงการ “ดีล” กับ “พรรคร่วมรัฐบาล” ที่น่าจะ “ลงตัว” ก็กลับกลายเป็นว่า ต่างฝ่างต่างอยู่ในสภาพหวานอมขมกลืน เพราะ “ข้อตกลง” มีการเปลี่ยนแปลง จนทำให้บรรยากาศที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ เต็มไปด้วยความอึมครึม ขึงเครียด ชนิดที่ตัวบิ๊กตู่เองอาจจะไม่คาดคิดว่า สนามการเมืองจะยุ่งเหยิง วุ่นวายได้ขนาดนี้ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ที่กว่าจะได้ข้อยุติโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรี ก็ทำเอาบางพรรคเปิดฉากฟาดฟันกัน จนพรรคแทบแตก ! แม้รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 จะออกแบบเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า หน้าตาของรัฐบาลใหม่ ภายใต้กฎกติกาใหม่ จะต้องออกมาเป็น “รัฐบาลผสม” แต่เชื่อเถอะว่าลึกๆแล้ว คสช.ในฐานะผู้กุมอำนาจเหนือ แม่น้ำทุกสาย ไปจนถึงนักการเมืองแทบทุกพรรค คงไม่คาดคิดว่า การเป็นรัฐบาลผสมนั้นจะยุ่งยาก จนแทบจะคอนโทรลไม่ได้ สภาพการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่จะตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ได้แล้วเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องออกโรง ลงมา “หย่าศึก” ด้วยตัวเอง ไม่ต่างไปจากการจับปูใส่กระด้ง หลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.จนถึง ณ วันนี้ผ่านพ้นมาแล้วกว่า 2 เดือน พล.อ.ประยุทธ์ ยังกลายเป็น “นายกฯสมัยที่2” ที่นั่งทำงานอยู่กับครม.ชุดเดิม เกิดเป็น “เป้าโจมตี” ให้กับ ฝ่ายค้าน ว่าที่สิ่งกำลังเป็นอยู่นั้นช่างประดักประเดิด ไม่น้อย ถึงกระนั้น ต้องยอมรับว่า ความวุ่นวาย ยุ่งยาก ที่เกิดขึ้นมาจากการที่พรรคพลังประชารัฐ ต้องอาศัย เสียงจากพรรคร่วมรัฐบาล ไปจนถึง “พรรคการเมืองขนาดเล็ก” ไปจนถึง “10 พรรค” ที่ได้1เก้าอี้ส.ส. แต่ก็ยังทำให้รัฐบาลตกอยู่ในสภาพ “เสียงปริ่มน้ำ” และพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างพลังประชารัฐ ต้องอาศัยเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไปจนถึงการอยู่ร่วมในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อค้ำบัลลังก์ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯสมัยที่ 2 ให้ราบรื่นมากที่สุด จึงไม่ต้องแปลกใจว่า เหตุใด แม้แต่พรรคเล็ก ที่มีเพียง 1เก้าอี้ยังกล้า “ออกฤทธิ์” เปิดแถลงข่าวต่อรองเก้าอี้กับพล.อ.ประยุทธ์ อย่างที่เห็น ! เมื่อพลังประชารัฐ ต้องอาศัยจมูก คนอื่นหายใจ การที่จะใช้ความเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จึงเป็นไปได้ยาก แต่หากจะให้ถึงขั้น “อ่อนข้อ” ยอมรับทุกข้อเสนอ ก็จะกลายเป็นการเปิดจุดอ่อน ยิ่งทำให้พลังประชารัฐอ่อนแรง ทำให้ตัวผู้นำรัฐบาล อ่อนแอไปเสียอีก อย่างไรก็ดี สถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะ “นั่งร้าน” ที่สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ และคสช. ได้กลับมาสู่อำนาจเป็นรอบสองจึงไม่ต่างไปจากการประคับประคองตัวเองไปพร้อมๆกับการหาทางรับมือ และ “แก้เกม” กับปัญหาการต่อรองจากพรรคร่วมรัฐ ที่พัลวันไปในคราวเดียวกับการหาทาง “สงบศึก” ภายในพลังประชารัฐ ให้ได้โดยเร็ว หลายคน หลายฝ่ายต่างพากันประเมินกันไปไกลถึงขั้นที่ว่า ที่สุดแล้ว “รัฐนาวา” ของพล.อ.ประยุทธ์ อาจจะอยู่ไม่ครบเทอม หรืออาจจะไปเร็วกว่านั้น ไม่ทันสิ้นปีเสียด้วยซ้ำ ! ลางร้ายที่กำลังเกาะกัดและกัดเซาะ ทั้งพรรคพลังประชารัฐ ไปจนถึงตัวพล.อ.ประยุทธ์ คือเสียงวิพากษ์วิจารณ์โฉมหน้าของ “ว่าที่รัฐมนตรี” ที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเต็มไปด้วย “เสียงยี้” ดังสนั่นทั่วทั้งตึกไทยคู่ฟ้า จนเป็นที่มาว่า มี “8 ว่าที่รัฐมนตรี” ที่คุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ หากพล.อ.ประยุทธ์ ยอมไฟเขียว ตามรายชื่อที่ปรากฎเป็นข่าว รังแต่จะทำให้ รัฐบาล “ประยุทธ์2/1” พังเร็วขึ้นเท่านั้น ! นักการเมืองหลายราย ทั้งที่ลงสนามรอบนี้ ไปจนถึงฝ่ายที่สมัครใจขอเป็น “คนดู” อยู่นอกสภา เชื่อว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ กำลังเป็นเหมือนเรือที่เจอกับมรสุม ลูกใหญ่ ซึ่งอาจจะฝ่าออกไปไม่พ้น มีอันต้องล่มในอีกไม่นาน มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย ระบุว่า “คนที่ต่างประเทศ” ที่แม้บัดนี้โลว์โปรไฟล์ ยังประเมินรูปการณ์ผ่าน “คนใกล้ชิด” ว่าให้เวลารัฐบาลชุดนี้อยู่ได้มากที่สุดไม่เกิน 3 เดือน จากนั้นจะต้องปิดฉากลง ! ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่พรรคเพื่อไทย รวมทั้งพรรคสาขาจะต้อง “ออกแรง” แสดงแอคชั่น ทุ่มเททุกสรรพกำลังที่มีในมือ ไปเพื่อเร่งล้มรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ เพราะปัญหาที่กำลังรุมเร้าในเวลานี้ ล้วนเป็นคำตอบในตัวของมันเองอยู่แล้วว่า “บิ๊กทหาร” ทั้ง “3ป.” แห่งบูรยาพยัคฆ์ คือพล.อ.ประยุทธ์ , บิ๊กป้อม และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อาจจะ “เอาไม่อยู่” แม้ 3 ป.จะเจอมาหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นศึกเหนือ เสือใต้ในสมรภูมิ แต่ย่อมไม่สันทัดในสนามการเมือง เพราะนี่อาจไม่ใช่ “สนามรบ” สำหรับ พี่น้องบูรพาพยัคฆ์ กลุ่มการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ ต่างดาหน้าออกมาทวงถามโควต้าเก้าอี้รัฐมนตรีกันให้วุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มสามมิตร ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน-สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” หรือกลุ่มอีสานตอนบนที่นำโดย “เอกราช ช่างเหลา” ที่ออกมาฟาดงวงฟาดงา อยู่พักใหญ่ หรือแม้แต่กลุ่มด้ามขวานไทย กลุ่มส.ส.ใต้ นำทีมโดย พ.อ.สุชาติ จันทรโชติสกุล ที่ออกมาถามหา “บำเหน็จ” หลังเสร็จศึกเลือกตั้ง ผสมโรงไปกับการแสดงออกซึ่งความไม่พอใจของ “ดำรงค์ พิเดช” หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ที่ส่งสัญญาณเตรียมถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แล้วไปเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” หลังจากอกหักเพราะชวดเก้าอี้ “รมว.ทรัพย์ฯ” ให้กับ พรรคชาติไทยพัฒนา จน พล.อ.ประยุทธ์ ต้องส่ง “มือประสานสิบทิศ” อย่าง “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ของพรรค ไปเจรจา เคลียร์ใจกับทุกกลุ่ม เพื่อสงบศึก แต่ใช่ว่าจากนี้ไป “การต่อรอง” จะไม่เกิดขึ้นในวันข้างหน้า มิหนำซ้ำสถานการณ์อาจจะเลวร้ายมากขึ้นกว่าเดิม หากที่สุดแล้ว “ข่าวลือ” ที่กระพือกันมาพักใหญ่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมโดดลงสังเวียนการเมืองเต็มตัว ด้วยการลงมานั่ง “หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ” แทน “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน หลายคนกำลังภาวนาว่าขอให้เป็นแค่ “ข่าวลือ” เพราะหากพล.อ.ประยุทธ์ เลือกตัดสินใจลงมาเล่นเต็มตัว ก็ต้องเตรียมตัว เตรียมใจที่ต้องเจ็บจริง โดยไม่มี “สแตนอิน” อีกต่อไป และเป็นไปได้สูงว่า เมื่อใดที่พล.อ.ประยุทธ์ ลงมานั่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชนิดเต็มตัว เมื่อนั้นพรรคฝ่ายค้าน คงไม่เลือกที่จะ “เขย่า” เท่านั้น หากแต่จะเปลี่ยนเป้าหมายเพิ่มระดับความรุนแรงถึงขั้น “โค่น” ให้ตายยกรัง ตายทั้งพรรค ด้วยอาวุธทางข้อกฎหมาย อย่างไม่ต้องสงสัย ! ลางร้ายที่กำลังก่อตัวขึ้นในยามนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะมองเห็นหรือไม่ ก็ยากจะคาดเดา แต่ที่แน่ๆ หากยังปล่อยให้สถานการณ์ทั้งพรรคและรัฐบาลดำเนินต่อไปด้วยความสุ่มเสี่ยง เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์โดยที่ยังไม่ทันได้บริหารงานในนาม “ประยุทธ์ 2/1” รัฐนาวาลำนี้ อาจจะ “อยู่ไม่ยาว” เพราะ “เอาไม่อยู่” !