"มาร์ค" เชิญชวน ปชช.ลงประชามติ หวังทุกฝ่าย ร่วมกำหนดอนาคตประเทศ ยัน ปชป.ไม่มีรวมตัวแถลงท่าที ด้าน"อมร" ประเดิน ลงคะแนนคนแรก ยันไม่มีนัยยะแฝง เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ส.ค. 59 ที่โรงเรียนสวัสดีวิทยา แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.ซึ่งมี 4 หน่วยออกเสียง โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในช่วงเปิดหีบ เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนทยอยเดินทางมาออกเสียงประชามติ โดยนายอมร วาณิชวิวัฒน์ สมาชิกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้เดินทางมาออกเสียงประชามติเป็นคนแรก ในรายชื่อลำดับที่ 421 หน่วยออกเสียงที่ 1 จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า การเดินทางมาใช้สิทธิคนแรก ไม่มีนัยยะสำคัญอะไร ตนมาใช้สิทธิเลือกตั้งทุกครั้ง ซึ่งหลังปิดหีบเวลา 16.00 น. ตนได้มีนัดหมายกับสมาชิก กรธ.ที่รัฐสภา ยืนยันไม่ว่าผลออกมาอย่างไร เราก็ยอมรับและฟังเสียงของฝ่ายข้างมากที่ได้คะแนน เพราะถือว่า กรธ. ได้ทำหน้าที่สมบูรณ์แบบแล้ว ส่วนความกังวลต่อปัญหาภาพรวมการทำประชามตินั้นไม่มี ทั้งนี้ตนอยากเชิญชวนประชาชนมาใช้สิทธิกันให้มาก ต่อมาเวลา 9.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์​ได้เดินทางออกเสียง โดยนายอภิสิทธิ์อยู่ลำดับที่ 45 หน่วยออกเสียงที่ 1 โดยหลังจากลงคะแนนได้ให้สัมภาษณ์ว่า ขอเชิญชวนให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ให้มากๆ เพราะการตัดสินใจในวันนี้ จะมีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศ ซึ่งรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ดังนั้นขอให้มาใช้สิทธิจนถึงเวลา 16.00 น. ทั้งนี้การจะออกมาใช้สิทธิหรือไม่ของประชาชน ทางกฎหมายไม่มีผล เพราะกฎหมายระบุเพียงแค่ให้นับคะแนนของผู้มาใช้สิทธิว่าเห็นชอบหรือไม่มากกว่ากัน แต่เราก็อยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มาก เพื่อให้ผลที่มีความผูกพันกับอนาคตประเทศจะได้เป็นที่ยอมรับ และหากประชาชนออกมาใช้สิทธิมากเท่าไหร่ ก็จะส่งผลดีในแง่ของการยอมรับ และจะทำให้อนาคตราบรื่น อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ประชาชนมีความตื่นตัว แต่ก็เป็นห่วงว่าอาจจะมาใช้สิทธิกันน้อย เพราะในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา บรรยากาศไม่เหมือนการเลือกตั้ง และการทำประชามติในครั้งก่อน รวมทั้งปัจจัยหลายๆอย่าง ก็อาจส่งผลให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลได้น้อย เมื่อถามว่าคาดหวัง จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลังการออกเสียงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าตนคิดว่าทุกคนยังมีหน้าที่ในการ ช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ของบ้านเมือง และจะต้องช่วยกันทำให้การเมืองดีขึ้น เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่สิ้นสุดแค่ว่าวันนี้ว่าผลออกมาเป็นอย่างไรเท่านั้น ทั้งนี้ไม่ว่าวันนี้ผลออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายก็ต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าให้ได้ อย่างไรก็ตามหลังปิดหีบ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีการไปรวมตัวกัน เพราะวันนี้เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ พรรคก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องโดยตรง และพรรคยังไม่สามารถทำกิจกรรมใดๆได้อยู่แล้ว ส่วนผลจะออกมาเป็นอย่างไร พรรคก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และเมื่อผลออกมาแล้ว พรรคก็จะสามารถแสดงท่าทีต่างๆได้ เมื่อถามอีกว่า พูดได้หรือไม่ว่าวันนี้เป็นวันเริ่มนับหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จริงๆแล้วทาง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็มีโรดแมพของเขาอยู่แล้ว คงต้องรอให้ผลประชามติออกมาก่อน เราก็จะทราบขั้นตอนของการเดินหน้าต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนผลประชามติออกมาเป็นอย่างไร ต่อข้อถามว่าหลังการลงประชามติแล้ว ทางพรรคจะมีการพูดคุยกับสมาชิกพรรคที่มีความเห็นต่างอย่างไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราคุยกับสมาชิกตลอดเวลา ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่ว่าเราเปิดประชุมไม่ได้ และความเห็นที่หลากหลายในพรรคเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรคที่จะต้องดูแล ส่วนเรื่องฐานเสียงของพรรคที่มีผลต่อการตัดสินใจประชามตินั้น ส่วนตัวคิดว่ามองเช่นนั้นไม่ได้ เพราะประชาชนแต่ละคนมีวิจารณญาณ ดุลพินิจว่า จะตัดสินใจบนพื้นฐานอะไร และครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมือง แต่เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสุรนันทน์​ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกฯ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาใช้สิทธิเขตนี้ด้วย ทั้งนี้นางรัชนีวรรณ อัศวธิตานนท์ รองปลัดกทม. ผู้รับผิดชอบตรวจกำกับการจัดการออกเสียง ของกลุ่มเขตกรุงเทพฯใต้ ได้ออกตรวจหน่วยออกเสียงตั้งแต่เปิดหีบ 8.00 น. โดยภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีความพร้อมทั้งเรื่องสถานที่และผู้ปฏิบัติการประจำหน่วย ทั้งนี้สำหรับกลุ่มเชตกรุงเทพใต้มีหน่วยออกเสียงจำนวน 1,056 หน่วย โดยมีผู้มีสิทธิออกเสียง 688,672 คน นอกจากนี้ยังได้มีผู้แทนจากข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียด กล่าวเพียงเพียงว่ามาดูสถานการณ์เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ในการออกเสียงประชามติครั้งนี้