เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 18 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทราบว่า ที่สภ.อ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ มีการควบคุมตัวพม่าที่ลักลอบข้ามชายแดนไทย-เมียนมาร์ได้ 7 ราย จึงได้เดินทางไปเพื่อนำเสนอข่าวผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ แต่เมื่อไปถึงก็ได้รับการปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ่าวน้อย ห้ามมิให้เข้าไปบันทึกภาพในห้องที่มีการควบคุมตัวแรงงานชาวเมียนมาร์ไว้ โดยอ้างว่ายังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ และให้สื่อนั่งรออยู่ด้านนอกจนถึงเวลา 18.00 น.สื่อได้เดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่อีกครั้ง แต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิมว่าให้รอยังสอบปากคำไม่แล้วเสร็จ ทั้งที่เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง กับการสอบปากคำชาวเมียนมาร์ 7 ราย และในห้องนั้นมีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ่าวน้อยอยู่เพียง 3 นายเท่านั้น ไม่มีล่ามแปลภาษา และเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆอยู่ด้วย ซึ่งได้เดินทางกลับหมดแล้วไม่ได้รอเซ็นต์บันทึกการจับกุมแต่อย่างใด และไม่มีกำหนดเวลาบอกสื่อที่แน่ชัดว่าจะเสร็จเมื่อไหร่จึงได้พากันเดินทางกลับ และเป็นข้อสงสัยให้กับสื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าวว่าเหตุใดทำไมถึงห้ามไม่ให้เข้าไปบันทึกภาพ หรือ มีเหตุผลอื่นแอบแฝง ทั้งที่การที่สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวก็เป็นผลงานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีส่วนเสียหายแต่อย่างใด โดยก่อนหน้านี้ก็เช่นกันในเขตพื้นที่ สภ.อ่าวน้อย ก็เคยมีการควบคุมตัวพม่าได้หลายครั้ง แต่เมื่อสื่อมวลชนไปทำข่าวก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ่าวน้อย เดินเข้ามาห้าม หรือขอไม่ให้ทำข่าวจึงแปลกใจเมื่อเทียบกับเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ เมื่อมีการจับกุมยาเสพติด หรือแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ที่ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายได้มักจะให้ความร่วมมือกับสื่อมวลชนเป็นอย่างดี โดยในครั้งนี้เวลาประมาณ 15.00 น.วันที่ 18 มิ.ย.62 จากการบูรณาการของหลายหน่วยงานด้าน ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองเพื่อป้องปรามสกัดกั้นแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ที่ลักลอบข้ามชายแดนไทยโดยผิดกฎหมายบริเวณช่องทางธรรมชาติแนวเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นเขตติดต่อกั้นระหว่างชายแดนไทยกับประเทศเมียนมาร์ เพื่อรอให้นายหน้าค้ามนุษย์มารับไปขายแรงงานเถื่อนในไทย และประเทศมาเลเซียเกือบทุกวัน โดย ตชด.146 ด่านสิงขรได้สืบทราบจากสายลับว่าจะมีการลักลอบข้ามชายแดนที่บริเวณช่องทางธรรมชาติ ช่องโป่งแดง น้ำตกวังเป้า บ้านย่านซื่อ หมู่ 12 ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงได้นำกำลังไปเฝ้าจับกุมโดยใช้เวลา 2 วัน จึงพบตัวชาวเมียนมาร์ ชาย-หญิงจำนวน 6 ราย พร้อมกระเป๋าสัมภาระเดินเท้าข้ามชายแดนมายังฝั่งไทย เจ้าหน้าที่ ตชด.จึงได้ปลอมตัวเป็นนายหน้านำรถยนต์มารับ เพื่อให้พาไปหาผู้นำพาตัวจริง เมื่อไปถึงบริเวณถนนสาธารณะสายรองคันคลองชลประทาน บ้านหนองปุหลก หมู่ 9 ตำบลบ่อนอก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบ ซึ่งเป็นจุดนัดพบ ก็ได้พบกับชาวเมียนมาร์ 2 ราย นำรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda Wave 110i สีแดง-ดํา ทะเบียน 1 กฐ 3731 ประจวบ และรถจักรยานยนตพ่วงข้างซาเล้ง ยี่ห้อ Wave 110 สีน้ำเงิน ทะเบียน กพฉ183 ประจวบ ซึ่งเป็นของแรงงานเมียนมาร์ที่คาดว่าทำงานกรีดยางอยู่ในไทยมารอรับไปส่งต่อ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันควบคุมตัว พร้อมนำรถจักรยานยนต์ของกลางมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.อ่าวน้อย เพื่อขยายผล และหาตัวผู้ร่วมขบวนการก่อนส่งตัวแรงงานเมียนมาร์ทั้งหมดดำเนินคดีตามกฎหมาย และผลักดันส่งกลับประเทศต้นทางต่อไป ซึ่งจากการตรวจค้นบุคคลต่างด้าวทั้ง 6 คน พบเอกสารการขออนุญาตเข้าประเทศหมดอายุ 4 ราย ไม่พบเอกสารใดๆ 2 ราย และยอมรับสารภาพว่าจะเดินทางไปทำงานทางภาคใต้ และจะมีคนเอารถมารับไปส่ง///// พิสิษฐ์รื่นเกษมข่าวประจวบคีรีขันธ์​