จากกรณีการแพร่ระบาดของบัตรพลังงานแอบอ้างสรรพคุณรักษาโรค ในพื้นที่หลายอำเภอของ จ.ขอนแก่น โดยมีผู้หลงเชื่อซือไปใช้ ในราคาบัตรละ 1,100-1,500บาท และนำมาแปะตามร่างกาย เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดตามร่างกาย เนื่องจากเชื่อว่าเป็นบัตรพลังวิเศษ ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (17 มิ.ย.62) ที่ห้องประชุม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ประชุมร่ว พ.ต.อ.สุทธิพงศ์ เป็กทอง รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่นและคณะพนักงานสอบสวน ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นให้รับผิดชอบในเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น นพ.สมชายโชติ กล่าวว่า ภายหลังจากที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับชาวบ้าน ซึ่งพบว่ามีชาวบ้านซื้อบัตรมาจากตัวแทนจำหน่ายในหมู่บ้าน โดยตัวแทนที่มีบัตรมาจำหน่ายนั้นเป็นคนที่ได้เข้ารับการอบรมขายตรงสินค้าประเภทอาหารเสริมจากบริษัทแห่งหนึ่ง ที่มีการอบรมในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อตัวแทนได้บัตรมาก็นำมาใช้เองตามคำแนะนำของบริษัท ในการบรรเทาอาการเจ็บปวดตามร่างกาย เพื่อนบ้านเห็นใช้และเห็นว่าได้ผล ก็ขอซื้อและก็นำมาใช้บำบัด บรรเทาการเจ็บปวดตามร่างกาย รวมถึงตรวจสอบรายละเอียดอื่นๆที่เกี่ยวข้องร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง "การตรวจสอบและการทำงานทั้งหมด ได้มีการสรุปรายงานให้กับ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น ทราบเป็นระยะ และในการตรวจสอบนั้นคณะทำงานต้องการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะพฤติกรรมต่างๆที่ทราบมานั้นเข้าข่ายการหลอกลงประชาชน จึงมีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสืบสวนสอบสวน ในขณะที่ สสจ.ขก.ก็ทำเรื่องหารือไปยังคณะกรรมการอาหารและยาว่า เข้าข่ายความผิดใดในทางการแพทย์หรือไม่ ซึ่งไม่มีข้อบ่งชี้ในความผิดในทางการแพทย์ เพราะไม่มีการจดแจ้งหรือขึ้นทะเบียนยาและอาหารหรือองค์ประกอบที่เกี่ยวกับการสาธารณสุข แต่มีข้อพิจารณาในทางที่เกี่ยวข้องการการคุ้มครองผู้บริโภค ในลักษณะของการโฆษราสินค้าหรือบัตรดังกล่าวมีคุณภาพเกินความจริง ซึ่งได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเรียบร้อยแล้ว" ขณะที่ พ.ต.อ.สุทธิพงศ์ กล่าวว่า ในการประชุมได้มีการหารือในเรื่องของข้อกฏหมายที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ที่ทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการขายบัตรพลัง หลอกลวงประชาชน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องได้ เพราะข้อกฎหมายที่หารือกันนั้น ยังไม่ชัดเจน ยังเอาผิดกับบริษัทไม่ได้ การกระทำเข้าข่ายการหลอกลวงประชาชน เกี่ยวกับการเป็นผู้บริโภค ตำรวจจึงต้องเข้าสอบสวนคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดขอนแก่น และประสานงานกันเรื่องข้อมูลรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบัตรดังกล่าวด้วย และหารือกันว่าพฤติกรรมทั้งหมด จะมีความผิดในกฎหมายข้อใด จะดำเนินคดีได้ในข้อหาใดบ้าง ด้านนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทำงานร่วมกันอย่างรอบคอบ เพื่อความชัดเจนที่จะครบถ้วนสมบูรณ์ก็ต้องตรวจสอบทั้งในเรื่องของข้อกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินคดีในข้อใดบ้าง ซึ่งต้องให้เวลากับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้วย และหากประชาชนท่านใดที่ซื้อบัตรมาใช้และคิดว่าตัวเองถูกหลอกให้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้ทันที ในส่วนของประชาชนที่ซื้อไปใช้ก่อนหน้านี้ไม่มีคนใดแจ้งความเอาผิดกฏกับผู้เกี่ยวข้อง ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่อยากให้ใช้วิจารณญาณในการซื้อสินค้ามาใช้ด้วย