วันที่ 17 มิ.ย.62 ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถนนสรรพาวุธ พนักงานสอบสวน สน.บางนา ได้ควบคุมตัวนายรังสรรค์ หรือเอ็กซ์ ศรไชยากร อายุ 29 ปี ผู้ต้องหากลุ่มผู้ขับวิน จยย.รับจ้าง ที่ยกพวกทะเลาะวิวาทกันและมีคนถูกยิงเสียชีวิต มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 17-28 มิ.ย.นี้ เนื่องจากต้องสอบพยานอีก 6 ปาก รอผลตรวจของกลาง และผลการตรวจสอบพิมพ์มือผู้ต้องหา จากกรณีเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.62 มีกลุ่มผู้ขับวินรถ จยย.รับจ้าง 2 กลุ่ม บริเวณปากซอยสุขุมวิท 101/5 กับซอยอุดมสุข 2 ยกพวกทำร้ายร่างกายกัน กลุ่มวินซอยอุดมสุข 2 วิ่งหลบหนีเข้าไปในชุมชนรุ่งเรือง กลุ่มวินปากซอยสุขุมวิทได้วิ่งติดตามไป โดยมีนายปิยะ หรือหมู พวงเกษร,นายรังสรรค์ ผู้ต้องหา และนายวันชัย หรืออั้ม มงคลเข็ม พร้อมอาวุธปืน ทั้ง 3 คน และพวกอีกจำนวนหนึ่งได้ยิงปืนเข้าไปในชุมชนรุ่งเรือง จนเป็นเหตุให้นายวีรวัฒน์ พึ่งครุฑ อายุ 20 ปี อาชีพรับจ้างส่งสินค้า (kerry) ถูกกระสุนถึงแก่ความตาย ขณะเดียวกันมีนายวัชรินทร์ งาเฉลา ซึ่งอยู่กลุ่มวิน จยย.ปากซอยสุขุมวิท ถูกกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บ ก่อนแยกย้ายกันหลบหนีไป ต่อมาสอบสวนพยานบุคคลและสืบสวนภาพกล้องวงจรปิดพบว่า กลุ่มวินจยย.ปากซอยสุขุมวิท มีผู้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในชุมชนแล้วถูกผู้ตาย ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองฯ โดยมิได้รับอนุญาตฯ,ร่วมกันพกพาอาวุธเข้าไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุสมควร และร่วมกันยิงปืนฯ,มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายฯ ให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตามในท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี วันเดียวกันพนักงานสอบสวน สน.บางนา ได้ยื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก นายเจริญ เจริญผล ผู้ต้องหาในคดีนี้อีก 1 ราย โดยแจ้งข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เนื่องจากมีพฤติการณ์ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า เพื่อข่มขู่คู่กรณีไม่ให้เข้ามาในซอย จากนั้นผู้ต้องหาได้กพอาวุธปืนไปซุกซ่อนไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดอาวุธปืนดังกล่าว ซึ่งผู้ต้องหารับว่าเป็นของตนจริง และไม่มีใบอนุญาต จึงแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ศาลพิจารณาและสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 2 แล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายปิยะ พวงเกษร ผู้ต้องหาในคดีอีก 1 ราย ที่ถูกควบคุมตัวได้พร้อมกับผู้ต้องหาอีก 2 คนนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายปิยะ ไปส่งพนักงานอัยการยื่นฟ้องศาลจังหวัดพระโขนง ฐานเสพฯ เมทแอมเฟตามีนนายปิยะ ให้การรับสารภาพ ศาลจึงพิพากษาจำคุก 6 เดือน ปรับ 1หมื่นบาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 5 พันบาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี โดยภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว พนักงานสอบสวนได้แจ้งอายัดตัวนายปิยะ ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น จากเหตุการณ์ปะทะกันที่ย่านอุดมสุขต่อไป ต่อมาญาติของนายรังสรรค์ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นประกันภัยอิสรภาพ ของบริษัทไทยพัฒนาประกันภัย จำกัด (มหาชน) มูลค่า 670,000 บาท ส่วนนายเจริญ มีภรรยา ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ 100,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีของนายรังสรรค์แล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการให้ประกันตัว ขณะที่เหตุเกิดต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก อันมีลักษณะไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยมีพยานรู้เห็นเกี่ยวข้องหลายฝ่าย หากปล่อยชั่วคราว เกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ส่วนนายเจริญ พฤติการณ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว จนเกิดการกระทบกระทั่งกัน และก่อเหตุทำร้าย ร่างกายและฆ่ากันตาย หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าอาจจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ ประกอบกับพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการให้ประกันตัว จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ไปคุมขังที่เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯ ตามกฎหมายต่อไป