นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pat Hemasuk
คำขู่ของ ปธน.ทรัมป์ที่บอกว่าถ้า เฮียสีไม่มาคุยด้วยในวันที่ 28-29 เดือนนี้ ที่จะมีการประชุมซับมิต G20 แล้วจะขึ้นภาษีกับจีนอีกรอบนั้นจะกล้าทำจริงไหม เวลานี้ไพ่ในมือของเฮียสีน่าจะกบไพ่แต้มสูงเอาไว้ในมือเพียบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้าเกษตรของสหรับเองที่ต้องส่งมาตลาดจีน สินค้าอุปโภคที่ต้องการฐานการผลิตที่จีน สินค้าไฮเทคและซอฟแวร์ของสหรัฐที่ต้องพึงพาการผลิตในแบรนด์ของตัวเองและแบรนด์จีน และสินแร่แรร์เอิร์ทวัตถุดิบในการผลิตสินค้าไฮเทค ที่บริษัทต่างๆ ของสหรัฐต้องพึ่งพาจากจีน จะเกิดความวิบัติไปเสียเองจากสงครามการค้าครั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐยังต้องประกาศว่าจะทำเรื่องผ่อนผันการแบนหัวเหว่ยไปอีกสองปี เพราะถ้าแบนเลยทันทีอุตสาหกรรมไฮเทคของตัวเองทั้งไมโครชิพและระบบปฎิบัติการที่ขายพ่วงแอพพลิเคชั่นที่ต้องพึงพาตลาดใหญ่ในจีน และที่ต้องพึ่งพาจีนส่งออกไปขายทั่วโลกคงต้องถึงคราวต้องวิบัติไปด้วย ข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ ลงข่าวว่าเวลานี้ที่บริษัทอเมริกัน 600 บริษัทยื่นจดหมายถึง ปธน.ทรัมป์ ให้เลิกทำสงครามการค้ากับจีน เพราะยิ่งทำก็ยิ่งเหมือนฆ่าตัวตาย คนที่ได้ผลกระทบโดยตรงนั้นไม่ใช่จีนอย่างเดียว แต่เป็นบริษัทอเมริกันเองที่โดนไปด้วย ก่อนหน้านั้นก็มีกลุ่มการค้า 15 กลุ่มยื่นหนังสือต่อ ปธน.ทรัมป์ในแคมเปญ Tariffs Hurt the Heartland ภาษีทำร้ายหัวใจประเทศ ที่บริษัทค้าปลีกของอเมริกันโดนไปด้วย เวลานี้ครอบครัวอเมริกันที่มี 4 คนพ่อแม่ลูก จะโดนไปไม่ต่ำกว่าบ้านละ 2000 เหรียญจากที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มในการซื้อสินค้าราคาอุปโภคแพงขึ้น และเรื่องนี้จะทำให้ GDP ของประเทศลดลงประมาณ 1% นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวได้ให้ความเห็นว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการที่จะพบปะพูดคุยกับ ปธน.สี จิ้นผิง ในที่ประชุม G20 อย่างมาก แต่ ปธน. สี ยังไม่ตอบกลับมาว่าจะคุยด้วยหรือเปล่า นักข่าวถามต่อว่าเป็นไปได้ไหมว่าทั้งสองคนจะไม่ได้คุยกัน และจะมีผลกระทบตามมาคือจะมีการปรับขึ้นภาษีตามที่ ปธน.ทรัมป์ขู่เอาไว้ กระทรวงพานิขจีนได้ออกข่าวเมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมาว่าจะขึ้นภาษีท่ออัลลอยด์ที่เข้าจากสหรัฐมากกว่าร้อยถึงร้อยห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ในเวลาเดียวกันจะเก็บภาษีท่อชนิดเดียวกันจากยุโรปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งภาษีนี้จะมีผลบังคับใช้ในทันที ด้วยเหตุผลว่าสหรัฐทุ่มตลาดโดยขายในราคาต่ำกว่าราคาตลาด ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้เหมือนจีนซื้อใจกลุ่มประเทศยุโรปให้ตีตัวออกจากนโยบายกีดกันการค้าของทรัมป์ยิ่งขึ้น เพราะตลาดท่อแรงดันสูงทนอุณหภูมิสูงที่จีนต้องซื้อมาใช้นั้นใหญ่มหาศาล ผมคิดว่าเวลานี้ ปธน.ทรัมป์เริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังพาประเทศลงเหวจากการกระทำของตัวเองที่ไปเปิดสงครามการค้ากับจีนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ส่วนจีนนั้นก็รู้ว่าไพ่ในมือของตัวเองในเวลานี้สามารถรวบกองได้แบบสบายๆ เพียงแต่รอให้สหรัฐต้องหงายไพ่เท่านั้น และเวลานั้นคงอยู่อีกไม่ไกลเลย การที่ปธน.ทรัมป์กดดันและไปล้วงลูกเฟด (FED) เรื่องอัตราดอกเบี้ยและแต่งตั้งคนของตัวเองสองคนเข้าไปนั่งเป็นกรรมการนั้น ทำให้กลุ่มการเงินของประเทศไม่พอใจอย่างยิ่ง และไม่เคยมีใครทำมานานแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ ปธน.นิกสันไปทำการป่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้นนิกสันก็จบไม่สวย ก่อนหน้านั้น JFK ก็เคยคิดว่างานของเฟดนั้นน่าจะทำโดยกระทรวงการคลังเหมือนทุกประเทศเขาทำกัน ผลก็คือ JFK ก็จบอย่างไรเป็นที่รู้กัน เพราะ Deep state หรือรัฐบาลเงานั้นหล่อเลี้ยงด้วยระบบการเงินและตลาดทุนที่สหรัฐมีอยู่แบบนี้นั้น มีมาตั้งแต่ก่อนยุคสงครามโลกครั้งที่สองเสียอีก และดีปสเตตนั้นไม่ได้มีแต่คนในระบบการเงินที่คุมทั้งประเทศอย่างเดียว บริษัทพลังงาน บริษัทค้าอาวุธ และกองทัพ ล้วนแต่มีส่วนร่วมในดีปสเตตทั้งสิ้น เอาแค่โบอิ้งที่ต้องเสียลูกค้าอย่างจีนไปเพียงบริษัทเดียวก็เสียหายกับคำสั่งซื้อในอนาคตที่โดนชะลอไปเป็นแสนล้านเหรียญแล้ว งานนี้ผมเดาว่าเฮียสีแกรอให้ทรัมป์หงายไพ่เท่านั้น เพราะที่ทรัมป์เกสาดเงินเข้ากองมาก่อนหน้านั้นคือบลัฟล้วนๆ เพราะอาการมันออกมาว่าเวลานี้ภาคธุรกิจทุกเซ็กเตอร์ของสหรัฐแม้กระทั้งฐานเสียงเกษตรกรก็ไม่เอาด้วยกับทรัมป์อีกแล้ว