ไฮไลท์ลีกดัง ฤดูกาล 2018-2019 นับเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์ ที่ทีมฟุตบอลจากเกาะอังกฤษ โชว์ศักยภาพคว้าแชมป์ราย การสำคัญ โดย “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หลังชนะ สเปอร์ส 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศ กลายเป็นแชมป์ยุโรป เป็นสมัยที่ 6 ของสโมสร ถัดจากปี 1976–77, 1977–78, 1980–81, 1983–84, 2004–05 และ 2018–19 ขณะที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ไล่ถล่ม “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล จากเกาะอังกฤษ ด้วยสกอร์ 4-1 คว้าแชมป์ยูโรป้าลีกมาครอง ปีนี้นับได้ว่าทีมจากเกาะอังกฤษ สามารถโชว์ศักยภาพ ความตั้งอกตั้งใจ ของทีมได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะบอลถ้วย ที่เล่นแบบไม่ไว้หน้า ทีมชั้นนำ ทั้ง “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า จากสเปน หรือ “ม้าลาย” ยูเวนตุส จากกัลโซ่ซีรีย์อาร์ ที่ต้องอกหัก โดยเฉพาะ “ทีมขวัญใจมหาชน” อย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ร่ายมนต์เพลงเตะในแต่ละครั้งได้อย่างสะเดาและเร้าใจสุดๆ เป็นที่ชื่นชอบของเหล่ากองเชียร์ นอกจากนี้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังกลายเป็นสโมสรลูกหนังจากประเทศอังกฤษทีมแรกของโลกที่มีรายได้ปีเดียวสูงที่สุดจำนวน 250.9 ล้านปอนด์(ประมาณ 10,200 ล้านบาท)โดยตัวเลขดังกล่าวจะพุ่งสูงขึ้นไปอีก เมื่อรวมกับรายได้อื่นๆ เมื่อมีการสรุปบัญชีประจำฤดูกาลออกมาอย่างเป็นทางการ ขณะที่ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เฉือนชนะ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูลแบบฉิวเฉียด คว้าแชมป์ ไปอย่างสุดมันและต้องลุ้นกันถึงนัดสุดท้าย แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ยอดทีมจากแมนเชสเตอร์ คือทีมที่คู่ควรกับโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้มากที่สุด เริ่มต้นจากสถิติการเป็นทีมที่คว้าชัยชนะได้มากที่สุด (32 นัด), ยิงประตูได้มากที่สุด (95 ประตู), สร้างสรรค์โอกาสยิงได้มากที่สุด (683 ครั้ง), จำนวนการผ่านบอลมากที่สุด (26,577 ครั้ง) และมีผลต่างประตูได้-เสีย ที่ดีที่สุด (บวก 72 ประตู) โดยสถิติต่างๆ เหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่า ความสมดุลของทีม โดยเฉพาะ “เกมรุก” คือกุญแจสำคัญที่พา “เรือใบสีฟ้า” ทะยานสู่บังลังก์แชมป์ได้อย่างภาคภูมิ โดยเฉพาะเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่โดน “ไบรท์ตัน” นำไปก่อน 1-0 แต่พวกเขาก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่อึดใจกลับมาตีเสมอ ก่อนจะอาศัยประสบการณ์ และความมุ่งมั่นรัวเพิ่มอีกสามประตูตอกย้ำชัยชนะ และการันตีอันดับ 1 ได้อย่างเด็ดขาดตั้งแต่นาทีที่ 72 ของเกม หากพูดถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก ต้องบอกเลยว่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังคงอกหัก พลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งจากการรวบรวมการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกของแต่ละทีม พบว่าทีม “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทำสถิติเป็นแชมป์ถึง 13 ครั้ง “สิงโตน้ำเงินคราม “เชลซี” เป็นแชมป์ทั้งหมด 5 ครั้ง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี้ เป็นแชมป์ทั้งหมด 3 ครั้ง “กุหลาบไฟ” แบล็กเบิร์นโลเวอร์ เป็นแชมป์ 1 ครั้ง “สุนัขจิ้งจอง” เลสเตอร์ซิตี้ เป็นแชมป์ 1 ครั้งและ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เป็นแชมป์ทั้งหมด 3 ครั้ง หลังเปลี่ยนชื่อเป็นพรีเมียร์ลีก จะเห็นได้ว่า ไร้ชื่อทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ซึ่งแฟนบอลต่างคาดหวังว่า ทีมโปรดจะสามารถสร้างชื่อกับเค้าได้สักที โดยเฉพาะ ปีที่ผ่านมา ที่บรรดาแฟนบอลของแต่ละทีม ต่างเทใจ เชียร์ให้คว้าแชมป์ให้ได้ แต่ก็ยังพลาดท่า ถูก “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี้ แซงทางโค้งคว้าถ้วยไปได้อย่างสนุก หากมองย้อนไป “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี้ เมื่อ 10 ปีก่อนไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้ เจ้าของทีมลงทุนมหาศาล มีโค้ชอัฉริยะและนักเตะกลุ่มที่ดีที่สุด ในโลกกลุ่มหนึ่ง กว่าจะสำเร็จอย่างงี้ได้ทีมทีมนี้ผ่านร้อนผ่านหนาว ฝ่าฟันอุปสรรคมามากมายไม่ได้สร้างได้โดยชั่วข้ามคืน ซึ่งผลรับที่ได้เรียกได้ว่า “เกินคำว่าคุ้มค่า” ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ “หงส์แดง” ของ “เจอร์เก้น คล็อปป์” แสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนของทีมที่เป็นแชมป์พวกเขามีทั้งฝีมือและโหงวเฮ้งที่พาเฮงได้เรื่อยๆ แต่ถึงกระนั้น อาจจะขาดตัวแปรอย่างหนึ่งของทีมที่จะเป็นแชมป์ไป และมันเป็นตัวแปรที่ไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย เหนือฟ้ายังมีฟ้า! ตัวแปรที่ว่านี้……ก็คือ “จังหวะเวลา” ซึ่งทำร้ายพวกเขาด้วยการประทานคู่แข่งที่สมบูรณ์แบบได้เหลือเชื่ออย่าง “แมนฯ ซิตี้” เข้ามาเป็นมารผจญ และด้วยมาตรฐานที่สูงลิบลิ่วของ พรีเมียร์ลีก ณ เวลานี้ ลิเวอร์พูล ของ “เจอร์เก้น คล็อปป์” จำเป็นที่จะต้องสร้างผลงานระดับ “ปรากฏการณ์” ให้ขึ้นไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับหมู่ทวยเทพบนสวรรค์ทั้งปวง ดังนั้น เชื่อว่า การขับเคี้ยวคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019-2020 น่าจะเข้มข้นมากขึ้น หลัง “ทัพ เรือใบสีฟ้า” และ “หงส์แดง” ต่างสร้างมาตาฐานเกมการแข่งขันไว้สูงปี๊ดดด...! ทั้ง “ผีแดง – ไอ้ปืนใหญ่ - เชลซีและสเปอร์” ต้องเร่งฝีเกือก ยกระดับทีมและเกมการแข่งขันชนิด “เลือดตาแทบกระเด็น” และเท่าทวีคูณ หากอยากจะมีชื่อลุ้นเบียดแย่งแชมป์กับเค้าสักที และยิ่งช่วงนี้ปิดฤดูกาล แต่ละทีมต่างมองหากำลังเสริมรายใหม่ ที่จะเข้ามาเป็น “จิกซอ” วาดลวดลาย บนเว ทีที่หินที่สุดอย่างพรีเมียร์ลีกอังกฤษ และหากเป็นแบบนี้ รับรองว่า ค่าตัวของนักเตะ ที่หมายตา จะต้องเพิ่มเป็นเท่าตัว รวมทั้งคงมีการสับขาหลอก สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวนักเตะที่แต่ละสโมสรต้องการตัว และหากติดตามผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาลนี้จะพบว่าแตกต่างจากปีก่อนๆ มาก เพราะเป็นฤดูกาลที่สนุก ตื่นเต้น สูสี มีการทำประตูมากมาย คะแนนของทีมอันดับต้นตารางต่างกันไม่มากและพลัดกันมีคะแนนขึ้นนำตลอดฤดูกาล รวมทั้งยังคงต้องติดตามจนถึงนัดสุดท้าย เพื่อทราบผู้ชนะและผู้มีสิทธิเล่นในฟุตบอลถ้วยยุโรปอีกด้วย เราจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาว่า หลายสโมสรมีความ “ตั้งใจ” เปลี่ยนแปลงและเตรียมความพร้อมของทีมด้วยการทุ่มเททรัพยากรที่มีอยู่เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้เล่น เทคนิค ทีมเวิร์ค เพื่อพัฒนาการที่ดีขึ้นของทีม จากปัจจัยดังกล่าว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ น่าจะยังคงสูสี และคงเป็นเกมชิงไหวชิงพริบ ของกุนซือ ที่จะสร้างมนต์เสน่ห์ให้เกมการแข่งขันน่าติดตามอีกหลายฤดูกาลนับจากนี้