"โรคซิฟิลิส" เป็นกามโรคชนิดหนึ่งเกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum ปัจจุบันกำลังกลับมาระบาดอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น สาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนี้ยังติดต่อได้ทางเลือด สารคัดหลั่งต่างๆของร่างกาย ขณะเดียวกันสามารถติดจากแม่ไปสู่ลูกในขณะตั้งครรภ์โดยผ่านทางรถและในขณะคลอดได้อีกด้วย ทนพ.ญ. กัญจนา สาเอี่ยม ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ (N Health) กล่าวว่า การป้องกันโรคซิฟิลิสเบื้องต้น สามารถทำได้โดยการตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีหลากหลายวิธี แต่ที่นิยมปฏิบัติพอจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ การตรวจชนิดไม่เฉพาะเจาะจงต่อโรคซิฟิลิส และการตรวจชนิดเฉพาะเจาะจงต่อโรคซิฟิลิส สำหรับการตรวจชนิดไม่เฉพาะเจาะจงต่อโรคซิฟิลิส นิยมใช้เป็นการตรวจคัดกรองเบื้องต้น โดยวิธีการตรวจที่เรียกว่า RPR ส่วนการตรวจชนิดเฉพาะเจาะจงต่อโรคซิฟิลิส เป็นการตรวจซึ่งมีความแม่นยำสูงเฉพาะสำหรับโรคซิฟิลิสเท่านั้น การตรวจดังกล่าวนี้จะมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และต้องอาศัยความชำนาญมากกว่าในกลุ่มแรกมาก แต่ก็มีประโยชน์มากในการยืนยันการวินิจฉัยโรคซิฟิลิส ในกรณีที่อาการแสดงของโรคไม่ชัดเจน เช่น โรคซิฟิลิสในระยะแฝง โรคซิฟิลิสของหัวใจ โรคซิฟิลิสระบบประสาทและโรคซิฟิลิสแต่กำเนิด เป็นต้น การตรวจในกลุ่มนี้ได้แก่ การตรวจวิธี FTA-ABS ทั้งนี้ในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาการทดสอบด้วยเครื่องวิเคราะห์อัตโนมัติ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยแพทย์วินิจฉัยโรคได้ มีความไวและแม่นยำต่อโรคซิฟิลิส คือ การตรวจ Syphilis Ab การทดสอบทางห้องปฏิบัติการนั้นช่วยวินิจฉัยโรคซิฟิลิสเบื้องต้นเท่านั้น หากพบการตรวจว่าติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจด้วยวิธีไหน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อที่จะได้รักษาให้หายขาด และติดตามการรักษาโรคได้ทันท่วงที ทั้งนี้วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการ ป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อจะมีเพศสัมพันธ์ และไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย โดย N Health เปิดให้บริการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยการติดโรคซิฟิลิส .. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-762-4000 หรือ Email: [email protected] และ @Nhealth