วันที่ 13 มิ.ย. 62 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ตรวจสอบการเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ของหลายพรรคการเมือง ซึ่งเมื่อตรวจสอบยืนยันกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยตรวจสอบหนังสือบริคณห์สนธิ ทะเบียนผู้ถือหุ้น รวมถึงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้ว พบว่า มี ส.ส. ของหลายพรรคการเมือง อาทิ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) จ.ราชบุรี เขต 3 และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ฯลฯ จำนวนหนึ่ง มีรายชื่อเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม ม.98(3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบ ม.42(3) แห่ง พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 นายศรีสุวรรณ ระบุว่า ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมฯจำต้องทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานสำหรับนักการเมืองที่จะเข้ามาสู่สภาฯ ต้องไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยและอยู่ภายใต้การบังคับใช้ของกฎหมายอย่างเคร่งครัดในเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายบัญญัติ และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ทั้งนี้ สมาคมฯจึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานของผู้สมัครรับเลือกตั้งและ ส.ส. ของหลายพรรคการเมืองไปยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อไต่สวน สอบสวน ให้เป็นข้อยุติและเป็นบรรทัดฐาน และเพื่อส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ออกจากตำแหน่งและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พร้อมลงโทษตาม ม.151 ของ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 ที่บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี” ด้วย “สมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้อง ในวันศุกร์ที่ 14 มิ.ย. 2562 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการ อาคาร B ถ.แจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม.” นายศรีสุวรรณ กล่าว