“บีโอไอ”ผลักดันไทยจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงเศรษฐกิจไทย-กวางตุ้ง พร้อมร่วมมือยกระดับการพัฒนาภูมิภาคอาเซียน ชี้ปี 61 นักลงทุนจีน-ฮ่องกงยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซีเพิ่มเป็น 2 เท่า มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเป็นประตูสู่อาเซียนที่สามารถเชื่อมโยงกับประเทศจีนได้อย่างดี เนื่องจากมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เหมาะสมแก่การลงทุน เช่น อันดับความสามารถในการแข่งขันจัดโดยIMD ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปีนี้ไทยขึ้นมา 5 อันดับมาอยู่อันดับที่ 25 ขณะที่ผลการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business)โดยธนาคารโลกปี 2562 ไทยอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน และไทยยังเป็นประเทศที่มีความซับซ้อนทางธุรกิจน้อยที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก จากการจัดอันดับโดย TMF Group ประเทศเนเธอร์แลนด์ อีกทั้งรัฐบาลไทยยังมีมาตรการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนผ่านมาตรการของบีโอไอ อีกด้วย ทั้งนี้แม้ว่าไทยจะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของหลายอุตสาหกรรม แต่ไทยต้องการที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการไปสู่สาขาที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้น ส่วนมณฑลกวางตุ้งนั้นได้พัฒนากลายเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี ไทยจึงมีความพร้อมที่จะรองรับการลงทุนสินค้าเทคโนโลยีและมีส่วนร่วมมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานของมณฑลกวางตุ้งสำหรับสินค้าเทคโนโลยี “เมืองไทยอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในการเป็นประตูสู่ภูมิภาคอาเซียน จึงเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันความร่วมมือเชิงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รองรับกับนโยบายหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง(Belt and Road Initiative:BRI) และการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างไทยกับมณฑลกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (GBA)และภูมิภาคเอเชียให้เติบโตไปพร้อมกัน” สำหรับนักลงทุนจีน-ฮ่องกง มีการลงทุนในพื้นที่อีอีซีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2560 ด้วยมูลค่า 42,562 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปโลหะ เครื่องจักรและชิ้นส่วนยานยนต์ ขณะที่ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ (ม.ค.-มี.ค.62)นักลงทุนจีนยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซีแล้วกว่า 9,600 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.8 ของมูลค่าการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในอีอีซีทั้งหมดรวม 75,097 ล้านบาท