วันนี้ (7 มิ.ย.62) ที่ ชุมชนบ้านแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นายธานี เกียรติพิพัฒนกุล รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง พร้อมด้วย ร้อยตำรวจเอกธนาบดี ธูปเทียนรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง ร่วมเป็นประธานเปิดกิจกรรมอนุรักษ์ป่าชายเลนและชายฝั่งทะเลแหลมฉบัง โดยมีคณะผู้บริหารท่าเรือแหลมฉบัง, หัวหน้าส่วนราชการ, ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ, ประธานชุมชน, ผู้แทนชุมชน ร่วมในกิจกรรมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก พร้อมมอบมอบเงินสนับสนุนเพื่อซ่อมแซมทำความสะอาดพื้นที่ป่าชายเลน นายธานี เกียรติพิพัฒนกุล รองนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง กล่าวว่า ทางเทศบาลฯ ได้เล็งเห็นว่าระบบนิเวศป่าชายเลนถือเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนที่มีความสำคัญ ซึ่งถือเป็นรอยต่อระหว่างแผ่นดินกับผืนน้ำทะเล อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำเศรษฐกิจต่าง ๆ ดังนั้นการรักษาพื้นที่และฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชายเลนจึงถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ดังนั้นทางท่าเรือแหลมฉบัง ร่วมกับเทศบาลนครแหลมฉบังและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการโครงการอนุรักษ์ป่าชายเลนและชายฝั่งทะเลแหลมฉบัง เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2551 เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนและทรัพยากรชายฝั่งทะเลแหลมฉบัง อีกทั้งยังเป็นการสร้างแหล่งเรียนรู้แหล่งนันทนาการศึกษาดูงานด้านการอนุรักษ์ป่าชายเลนให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไปอีกด้วย ด้านร้อยตำรวจเอกธนาบดี ธูปเทียนรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า ในการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ทางท่าเรือแหลมฉบังยังได้มอบเงินสนับสนุนการซ่อมแซมสะพานเป็นจำนวนเงิน 240,000บาท และยังมีหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมมอบเงินสนับสนุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 282,000 บาท และวันนี้ถือว่าเป็นวันดีที่ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนและชายฝั่งทะเลแหลมฉบังร่วมกัน โดยการจัดกิจกรรมนี้ ทำให้พื้นที่ป่าชายเลนแหลมฉบัง มีความอุดมสมบูรณ์ทำให้มีพรรณไม้นานาชนิดและสัตว์น้ำอาศัยอยู่หลายชนิด เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไป โดยวันนี้นับเป็นโอกาสอันดี ที่ท่าเรือแหลมฉบัง เทศบาลนครแหลมฉบัง และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมการซ่อมแซมทำความสะอาดพื้นที่ป่าชายเลนแหลมฉบัง เพื่อพัฒนาพื้นที่ป่าชายเลนแหลมฉบังได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างและฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่แหลมฉบัง และปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า รวมทั้งให้ชุมชนอยู่ร่วมกับป่าในเชิงอนุรักษ์ป่าอย่างยั่งยืนต่อไป