นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ในปี 2562 ซึ่งธนาคารกำหนดเป้าหมายไว้ที่ 203,000 ล้านบาท ธอส. ได้จัดทำแพ็กเกจผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์การกู้ และสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าหลากหลายอาชีพ ทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ และบริษัทเอกชน ภายใต้กรอบวงเงินรวม 25,500 ล้านบาท พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีบ้านเป็นของตนเองด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ซึ่งจะมีส่วนช่วยสร้างความมั่นคงในสถาบันครอบครัว และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ 1.สินเชื่อบ้านสำหรับพนักงานประจำบริษัทเอกชน (กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท) ให้กู้สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไปที่เป็นพนักงานประจำบริษัทเอกชน หรือเป็นพนักงานประจำบริษัทเอกชนในหน่วยงานที่ทำข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) กับ ธอส.ภายใต้โครงการ “Corporate Synergy” และไม่มีสวัสดิการประเภทอื่นกับ ธอส. อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 เท่ากับ MRR-3.45% ต่อปี (3.30%) ปีที่ 4-5 เท่ากับ MRR-1.50% ต่อปี (5.25%) และปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้กรณีลูกค้ารายย่อยที่หน่วยงานทำ MOU กับ ธอส. อัตราดอกเบี้ย MRR-0.75% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี ส่วนกรณีกู้ซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกหรือกู้เพื่อชำระหนี้ที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. เท่ากับ 6.75% ต่อปี) วงเงินให้กู้ขั้นต่ำ 1 ล้านบาทสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อหลักประกัน วัตถุประสงค์ให้กู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย หรือซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย พร้อมกับวัตถุประสงค์การซื้อที่อยู่อาศัย ฟรี!! ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ 0.1% ของวงเงินทำนิติกรรม ให้ผ่อนได้นานสูงสุด 40 ปี และพิเศษสำหรับผู้กู้ที่ ยังเป็น หรือ เคยเป็นลูกค้าสินเชื่อของ ธอส. รวมถึงผู้ที่ได้รับการแนะนำจากญาติพี่น้องที่เป็น หรือ เคยเป็นลูกค้าสินเชื่อของ ธอส. ที่ยื่นกู้ตามวัตถุประสงค์ของโครงการรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ดังนี้ ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR-3.60% ต่อปี (3.15%) และปีที่ 4-5 เท่ากับ MRR-1.65% ต่อปี (5.10%) ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธ.ค.2562 2. สินเชื่อ “บ้าน Happy Life” (กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท) สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไปและลูกค้าสวัสดิการไม่มีเงินฝากที่มีวงเงินกู้ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 คงที่ 2.95% ต่อปี ปีที่ 2-3 เท่ากับ MRR-3.80% ต่อปี (2.95%) ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ กรณีสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.50% ต่อปี กรณีกู้ซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR วัตถุประสงค์ให้กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไถ่ถอนจำนอง ซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัยพร้อมกับไถ่ถอนจำนอง ซื้อที่ดินเปล่าที่เป็นทรัพย์ NPA ของ ธอส. และให้กู้เพิ่มสำหรับลูกค้าปัจจุบันเพื่อปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย และซ่อมแซม ผ่อนได้นานสูงสุด 40 ปี กำหนดยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ก.ย. 2562 3. โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 2562 (กรอบวงเงิน 10,000 ล้านบาท) สำหรับข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงาน/เจ้าหน้าที่ของรัฐและอื่น ๆ ธนาคารกำหนด อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ MRR-3.76% ต่อปี (2.99%) ปีที่ 2 เท่ากับ MRR-3.00% ต่อปี (3.75%) ปีที่ 3 เท่ากับ MRR-2.50% ต่อปี (4.25%) ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ อัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปี ยกเว้นกรณีกู้ชำระหนี้หรือซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องกับที่อยู่อาศัย ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR ให้กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไถ่ถอนจำนอง ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย ฟรี!! 1.ค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนอง 1% ของวงเงินจำนอง และ 2.ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ 0.1% ของวงเงิน กู้ ผ่อนได้นานสูงสุด 40 ปี กำหนดยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 มิ.ย. 2562 4. สินเชื่อปลูกสร้างบ้าน ภายใต้บริษัทรับสร้างบ้าน (สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน และสมาคมไทย รับสร้างบ้าน ปี 2562 (กรอบวงเงิน 500 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 เท่ากับ MRR-3.96% ต่อปี (2.79%) ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ กรณีลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป อัตราดอกเบี้ย MRR – 0.50% ต่อปี ให้กู้เพื่อปลูกสร้าง ซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้าง ไถ่ถอนจำนองพร้อมปลูกสร้าง หรือซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกฯ พร้อมกับปลูกสร้างหรือไถ่ถอนจำนอง ผ่อนได้นานสูงสุด 40 ปี กำหนดยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธ.ค.2562