นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า คณะกรรมการกลางเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคของเมียนมา (Myanmar’s Central Committee for Consumer Protection) ได้ออกประกาศเกี่ยวกับการติดฉลากสินค้าจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ (1) ประกาศฯ ฉบับที่ 1/2018 ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2561 ว่าด้วยการกำหนดสินค้าที่ต้องติดฉลากและคำแนะนำในการใช้สินค้าเป็นภาษาเมียนมา และ (2) ประกาศฯ ฉบับที่ 1/2019 ลงวันที่ 17 ม.ค.2562 ว่าด้วยการกำหนดแนวทางและขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับการติดฉลากสินค้าภาษาเมียนมา กำหนดประเภทสินค้าที่ต้องติดฉลากเป็นภาษาเมียนมา ใน 8 กลุ่มสินค้า ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องใช้ในครัวเรือน สินค้าสำหรับเด็ก เครื่องมือเทคโนโลยีและการสื่อสาร ยาและอาหารเสริม สารเคมี เครื่องสำอาง อุปกรณ์อาบน้ำ และเครื่องมือทางการเกษตรและอุปกรณ์ออกกำลังกาย ทั้งนี้ ภายใต้ประกาศดังกล่าว กำหนดให้แสดงเนื้อหาสำคัญ ได้แก่ คำแนะนำสำหรับการใช้งาน วิธีการเก็บรักษา คำเตือนและข้อควรระวัง และผลข้างเคียงจากการใช้ (ถ้ามี) โดยสินค้าบางประเภทอาจไม่จำเป็นที่จะต้องระบุรายละเอียดสินค้าให้ครบทั้ง 4 ข้อ และมีข้อกำหนดในการปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า ปริมาณ และขนาดของสินค้า “ได้มีการเจรจาต่อรองเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีเวลาปรับตัว จนรัฐบาลเมียนมาได้ผ่อนปรน และได้ขยายระยะเวลาบังคับใช้ออกไปอีก 1 ปี คือ จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 2563 ซึ่งเดิมมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. 2562 ที่ผ่านมา”นายอดุลย์กล่าว อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติเรื่องการติดฉลากสินค้าแต่ละประเภท ขอให้ผู้ประกอบการไทยหารือผู้นำเข้าเมียนมา รวมทั้งหน่วยงานที่กำกับดูแลสินค้าแต่ละชนิด เพื่อจะได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง เนื่องจากสินค้าบางชนิดอาจใช้การติดสติกเกอร์แทนการพิมพ์ฉลากใหม่ได้ เช่น สินค้าอาหารและเครื่องดื่มขอให้สอบถาม Food and Drug Administration (FDA) กระทรวงสาธารณสุข สินค้าปุ๋ย/ยาปราบศัตรูพืช หารือกระทรวงเกษตร เพราะบรรจุภัณฑ์ปุ๋ยจะต้องเป็นการสกรีนฉลากภาษาเมียนมาลงบนถุงปุ๋ย ไม่สามารถใช้สติกเกอร์ติดแทนได้ เป็นต้น ด้านผู้ผลิต ผู้ส่งออก ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูรายละเอียดได้ทาง https://bit.ly/2Hz680i หรือสายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385