สำหรับงานไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส2019 (ทีทีเอ็มพลัส 2019) ในปีนี้ได้ถูกจัดขึ้น ที่โอเชี่ยนมารีน่ายอร์ชคลับ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นปีที่ 2 เพื่อให้ผู้ซื้อจากทั่วโลกและผู้ขายในไทยได้มาพูดคุยธุรกิจร่วมกัน รวมถึงสร้างเครือข่ายทางธุรกิจที่จะสร้างมูลค่าต่อเนื่องในอนาคต ภายในธีมชุมชนและธีมเมืองรอง โดยทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ตั้งเป้าหลังจากงานภายในหนึ่งเดือนน่าจะสร้างมูลค่าการเจรจาธุรกิจกว่า 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 30 ล้านบาท อีกทั้งยังหวังช่วยกระตุ้นให้ตลาดระยะใกล้และไกลคึกคัก รวมทั้งตลาดที่ซบเซาน่าจะกระเตื้องขึ้นด้วย ให้ความสำคัญผู้ขายเมืองรอง ซึ่งนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า งาน ไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส 2019 หรือ ทีทีเอ็มพลัส 2019 นี้ จัดขึ้นในวันที่ 5 – 7 มิถุนายน 2562 ณ Ocean Marina Yacht Club เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ภายใต้แนวคิด New Shades of Emerging Destinations ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ททท. ที่มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม หรือ Preferred Destination อย่างยั่งยืน โดยในปีนี้ ททท. ได้นำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพผ่านประสบการณ์การท่องเที่ยวท้องถิ่นและการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบผ่านโครงการต่างๆ เช่น กิจกรรม Travel Thailand in Style, Reduce Plastic Waste และสารคดีชุด The Seasons ที่ใช้ความสวยงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตกระตุ้นให้ผู้คนเกิดจิตสำนึกและความรับผิดชอบ สำหรับโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ถือว่าเป็นทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการหลบหนีความแออัดของแหล่งท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด ค้นหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ลงลึกถึงความหลากหลายทั้งด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต โดยที่ผ่านมา ททท. มีแคมเปญ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด และ 12 เมืองต้องห้าม...พลาดพลัส เพื่อสร้างงานและรายได้จากการท่องเที่ยวให้กระจายไปทั่วประเทศ ขยายจากเมืองหลักไปยังเมืองรองและชุมชนท้องถิ่น สร้างความสมดุลรวมถึงความยั่งยืนทางการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ได้ขยายไปสู่เมืองรองรวม 55 จังหวัด พร้อมประชาสัมพันธ์เชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ โดยมีกลยุทธ์ 3 แนวทาง ได้แก่ การเชื่อมโยงเมืองหลักและเมืองรอง(Additional)การส่งเสริมประชาสัมพันธ์เมืองรองใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ (Brand New) และการรวมเมืองรองเข้าด้วยกัน (Combined) ซึ่งปีที่ผ่านมาเมืองรองหลายแห่งได้มีผลการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยว อาทิเชียงรายตราดสุโขทัยหนองคายแม่ฮ่องสอนและตรัง ทั้งนี้ จากสถิติในปี 2561 พบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยกว่า 38 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.54 % จากปี 2560 สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 62 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.63% โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางท่องเที่ยวเมืองรอง 6 ล้านคน/ครั้ง หรือเติบโต 4.95% เมื่อเทียบกับปี 2561 โดย ททท. มั่นใจว่าแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองจะยังคงเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่องในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเป็นส่วนสำคัญที่ส่งเสริมให้การท่องเที่ยวไทยไปถึงเป้าหมายรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.21 ล้านล้านบาทภายในปี 2562 ได้อย่างแน่นอ เกณฑ์คัดเลือกต่างจากปีก่อน ด้าน นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การคัดเลือกผู้ขายไทยเข้าร่วมเจรจาธุรกิจในทีทีเอ็มพลัส 2019 นี้จะแตกต่างกว่าทุกๆ ปี โดยจะให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ประกอบการจากเมืองรอง และผู้ประกอบการใหม่ที่ไม่เคยร่วมขายใน ทีทีเอ็มพลัส มาก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้เป็นสนามซ้อมก่อนเข้าสู่เวทีการค้าระดับนานาชาติ ขณะที่โรงแรม รีสอร์ตแต่ละแห่งต้องนำหลักฐานมาแสดงต่อคณะกรรมการถึงการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเปิดให้กลุ่มธุรกิจ DMC เข้ามาร่วมเจรจาธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เช่น กลุ่มธุรกิจโชว์ แหล่งท่องเที่ยวสไตล์ Attraction สปา และอื่นๆ อีกทั้งการจัดงานในครั้งนี้ได้ดึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศกว่า 700 ราย เจรจาแลกเปลี่ยนข้อมูลสินค้าและบริการด้านท่องเที่ยว พร้อมจัดแสดงและนำเสนอสินค้าเมืองรอง เสวนาด้านท่องเที่ยว กิจกรรมเชิงอนุรักษ์ และทัศนศึกษาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวชุมชน สำหรับการเจรจาธุรกิจซึ่งเป็นกิจกรรมหลัก ททท. เปิดเวทีให้ผู้ประกอบการ (Seller) จากประเทศไทยและกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS) เข้าร่วมงาน จำนวน 370 ราย นำเสนอและเจรจาธุรกิจแหล่งท่องเที่ยวและบริการการท่องเที่ยวใหม่แก่ผู้ซื้อ (Buyer) จากทั่วโลกที่เข้าร่วมงานจำนวน 340 ราย จาก 51 ประเทศทั่วโลก หรือเพิ่มขึ้น 18.47% จากการจัดงานปีที่ผ่านมา แบ่งสัดส่วนเป็นภูมิภาคยุโรป แอฟริกา และตะวันออกกลาง 38.24% ภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ 27.06% ภูมิภาคเอเชียตะวันออก 22.94% และภูมิภาคอเมริกา 11.76% พร้อมกันนี้ยังมีการสินค้าใหม่ใน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี รวมถึงสร้างต้นแบบ การจัดงานอีเวนต์ท่องเที่ยวที่มีส่วนร่วมรับผิด ชอบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ลดปริมาณขยะทุกรูปแบบ ทั้งวัสดุอุปกรณ์ อาหาร เครื่องดื่ม ทำให้เป็นพื้นที่ปลอดขยะมากที่สุด ซึ่งหลังเสร็จงานจะจัดประกวดดีไซน์เพื่อนำกลับมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ และสร้างสีสันจัดประกวด เซลเลอร์แซ่บ ลุ้นรับรางวัลตั๋วเครื่องบินทั่วโลกจากบางกอกแอร์เวย์ส และสายการบินแอร์เอเชีย เป็นต้น ขณะที่การจัดงานทีทีเอ็มพลัส 2018 ครั้งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก สามารถสร้างรายได้ให้กับธุรกิจการท่องเที่ยวระหว่างระยะเวลาการจัดงานประมาณ 1,894 ล้านบาท และสร้างมูลค่าทางธุรกิจภายหลังการเจรจา 30 วัน ถึง 2,470 ล้านบาท ดังนั้นจึงตั้งเป้าการจัดงานครั้งนี้น่าจะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยได้เจรจาและนำเสนอขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวแก่ตลาดมากขึ้น เพิ่มประสบการณ์การทำธุรกิจระดับสากลให้แก่ภาคเอกชนไทย รวมทั้งเสริมสร้างการรับรู้ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท กระตุ้นให้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงเป้าหมายที่ 2.21 ล้านล้านบาทตลอดจนกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวให้แก่ชุมชนท้องถิ่นได้อย่างแน่นอน มีกลุ่มผู้ซื้อคุณภาพทั่วโลก ส่วน นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า งานดังกล่าวมีกลุ่มผู้ซื้อคุณภาพทั่วโลก ได้เดินทางมา 349 รายจาก 51 ประเทศ แบ่งเป็นหน้าใหม่ 47.29% สนใจขายไทยเพิ่มขึ้น อาทิ เอเชียกลาง คีร์กีซสถาน คาซัคสถาน เบลารุส หรือทวีปไกล ชิลี โคโซโว และยุโรป อย่าง อาเซอร์ไบจาน ลัตเวีย กลุ่มเดิม 52.71% สามารถขายเมืองไทยต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มผู้ขายได้เพิ่มมิติใหม่จากเมืองรอง และมีพันธมิตรร่วม ทั้ง องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี บริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) และสายการบินไทยแอร์เอเชีย