เปิดฉากเริ่มไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ การเดินทางเยือน “อังกฤษ” ประเทศฉายา “เมืองผู้ดี” ของ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา” เมื่อต้นสัปดาห์นี้ นับเป็นอีกหนึ่งฉากสำคัญ สำหรับ บรรยากาศการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ คู่หูพันธมิตร ซึ่งได้เริ่มก่อร่างสร้างสานสัมพันธ์กันมา นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา จวบจนถึงปัจจุบัน ท่ามกลางสถานการณ์ต่างๆ ให้ประเทศทั้งสอง โดยเฉพาะในด้านสงคราม การทหาร ที่ทำให้ต้องเกี่ยวก้อยร้อยเป็นคู่บัดดีปฏิบัติการร่วมกันอยู่เป็นระยะ อย่าง สงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาต่อมา หรืออย่างสงครามอิรัก สงครามอัฟกานิสถาน ในยุคร่วมสมัย เป็นอาทิ โดยเมื่อกล่าวถึงความสัมพันธ์ของสองประเทศนี้ ก่อนหน้าสงครามโลกครั้งที่ 1 ระเบิดขึ้นนั้น ก็หาได้ชื่นมื่นเป็นปลื้มกันไม่ เพราะรบทัพจับศึกละเลงเลือดกันมา ใน “สงครามประกาศอิสรภาพอเมริกา” จนหลุดพ้นจากความเป็นดินแดนอาณานิคมของอังกฤษ เมื่อระหว่าง พ.ศ. 2318 – 2326 (ค.ศ. 1775 – 1783) หรือช่วงปลายของคริสต์ศตวรรษที่ 18 ว่ากันถึงการเดินทางมายังอังกฤษของประธานาธิบดีทรัมป์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานครั้งนี้ ก็เป็นไปในแบบ “การเยือนอย่างเป็นทางการในระดับประมุขของรัฐ” หรือที่เรียกว่า “สเตท วิสิท (State visit)” คือ เดินทางมาในฐานะผู้นำ หรือประมุขของประเทศสหรัฐฯ โดยมีกำหนดการที่เข้าเฝ้าฯ และเยี่ยมคารวะ องค์พระประมุข และผู้นำรัฐบาลของอังกฤษ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เดินทางเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการ หลังจากเคยเดินทางเยือนไปครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อช่วงกลางปี 2561 หรือปีที่แล้ว สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2 มีพระราชปฏิสันถารต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ในการเดินทางเยือนอังกฤษ เมื่อครั้งที่ผ่านมา นอกจากตัวของประธานาธิบดีทรัมป์ และ “นางเมลาเนีย ทรัมป์” ผู้ภริยาในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ เอง ซึ่งทั้งสองเคยเดินทางเยือนอังกฤษด้วยกันเมื่อครั้งที่ผ่านมาแล้ว ในการเดินทางเยือนหนนี้ ก็ยังมี “อิวานกา ทรัมป์” บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวน ร่วมขบวนเดินทางไปด้วย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ พร้อมด้วยนางเมลาเนีย ทรัมป์ ภริยา เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2 อย่างไรก็ดี ในการเดินทางหนนี้ ก่อนที่ “แอร์ ฟอร์ซ วัน” จะพาคณะของประธานาธิบดีทรัมป์ บินลัดฟ้าเข้าสู่เมืองผู้ดีนั้น ทาง “ยูโกฟ” สำนักโพลล์ชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศ ก็ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชีชาวผู้ดีกลุ่มตัวอย่าง ก็ได้พบกับปรากฏการณ์ อาการแห่ง “เสียงแตก” ของชาวอังกฤษ ในการเดินทางเยือนที่จะมีขึ้นด้วยเหมือนกัน โดยปรากฏว่า มีกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ต้องการให้ประธานาธิบดีทรัมป์ เดินทางมายังอังกฤษ หรือต้องการเห็นฉากการเดินทางเยือนข้างต้น คิดเป็นอัตราร้อยละ 46 ส่วนผู้ที่ต้องการให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ยกเลิกแผนการเยือน หรือไม่ต้องการเห็นฉากการเดินทางเยือนที่จะมีขึ้น มีจำนวนร้อยละ 40 ชาวอังกฤษ เดินขบวนไปตามท้องถนนสายต่างๆ ในกรุงลอนดอน เพื่อประท้วงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ  ที่เดินทางมาเยือน นอกจากไม่อยากจะเห็นการเดินทางมาของประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว ประชาชีชาวผู้ดี ก็ยังมีความประสงค์ให้ “ราชินี” ของพวกเขา คือ “สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2” ประทับให้ห่างจากประธานาธิบดีทรัมป์ ระหว่างการต้อนรับด้วย คือ ไม่อยากให้พระองค์ประทับอยู่ใกล้ผู้นำสหรัฐฯ โดยมีจำนวนที่ร้อยละ 42 ส่วนผู้ที่ต้องการพระราชินีต้อนรับอย่างใกล้ชิดมีจำนวนร้อยละ 41 ซึ่งในการเดินทางเยือนอังกฤษของประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้ ก็จะต้องมีภารกิจที่จำต้องเข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดกับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2 หลายกำหนดการด้วยกัน ในระหว่างการเยือนที่จะมีขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย. ไปจนถึงวันที่ 5 มิ.ย. เริ่มจากกำหนดการวันแรก คือ วันจันทร์ที่ 3 มิ.ย. ที่ทันทีประธานาธิบดีทรัมป์ และนางเมลาเนีย เดินทางไปถึง ทางสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2 ก็จะพระราชทานการต้อนรับด้วยพระองค์เอง พร้อมกับเจ้าฟ้าชายชาลส์ มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษ และดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ ของเจ้าฟ้าชายชาลส์ ซึ่งทั้งหมดทั้งปวงก็จะมีขึ้นที่พระราชอุทยานในพระราชวังบัคกิงแฮม และในกำหนดการวันแรกนี้ ทาง “ดยุคแห่งซัสเซก” คือ “เจ้าชายแฮร์รี” ก็จะประทานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ประธานาธิบดีทรัมป์และคณะ รวมถึงสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2 แห่งอังกฤษ ก็จะมีพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแก่คณะผู้นำสหรัฐฯ ด้วย ตามมาด้วยวันอังคารที่ 4 มิ.ย. ทางประธานาธิบดีทรัมป์และคณะ จะเยี่ยมคารวะดยุคแห่งยอร์ก ที่พระราชวังเซนต์เจมส์ และในวันนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ก็จะพบปะกับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีหญิงของอักฤษ ที่บ้านเลขที่ 10 บนถนนดาวนิง กรุงลอนดอน ก่อนรับประทานอาหารค่ำที่ “วินฟิลด์เฮาส์” สถานเอกอัคราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงลอนดอน ซึ่งในการนี้ทางเจ้าฟ้าชายชาลส์ และพระชายาเสด็จฯ แทนพระองค์สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2 ร่วมงานด้วย ปิดท้ายในวันพุธที่ 5 มิ.ย. ประธานาธิบดีทรัมป์ และคณะ ก็จะไปร่วมงานรำลึกวันดีเดย์ยกพลขึ้นบกเมื่อครั้งสงครามโลกครั้ง ที่ 2 ที่เซาท์ซีคอมมอน ในย่านพอร์ตสมัธ ซึ่งในปีนี้ถือเป็นที่ 75 แล้ว ที่ทางอังกฤษ จัดงานรำลึกกัน งานรำลึกวันดีเดย์ยกพลขึ้นบกเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เซาท์ซีคอมมอน พอร์ตสมัธ ของอังกฤษ