“เอสซีจี “รุกหนักปี 62-63 เดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ตอบโจทย์ลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้ดีและเร็วขึ้น ผ่านการเปิดรับนวัตกรรมภายนอก โดยร่วมลงทุนในสตาร์ทอัพ การพัฒนาสตาร์ทอัพในองค์กร โดยสตาร์ทอัพสตูดิโอ “ZERO TO ONE by SCG”เสริมขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในองค์กรให้แข็งแกร่ง นายจาชชัว แพส SCG Corporate Innovation Director และ Managing Director of AddVentures by SCG เปิดเผยว่า ช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีรวมถึงโมเดลธุรกิจใหม่ๆ มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เอสซีจีจึงต้องปรับวิธีการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมใหม่ นอกเหนือจากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Technology) ซึ่งดำเนินการมาโดยตลอด ด้วยการทำ Digital Transformation ซึ่งเป็นกระบวนการปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) โดยเน้นการพัฒนาและสร้างความร่วมมือกับสตาร์ทอัพ (Startup) มีศักยภาพในการเชื่อมโยงเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาเสริมขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อให้เอสซีจีสามารถสร้างโซลูชั่นสินค้าและบริการให้ลูกค้าทุกกลุ่ม ตลอดจนเพิ่มโอกาสในการสร้างการเติบโตใหม่ๆ ให้องค์กรได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากการพัฒนาและปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานรวมถึงแนวคิดของคนในองค์กรเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ เอสซีจีจึงเริ่มนำแนวคิดและวิธีการทำงานของสตาร์ทอัพมาปรับใช้ ด้วยการทำโครงการพัฒนาสตาร์ทอัพภายใน “HATCH-WALK-FLY”โดยมี “ZERO TO ONE by SCG” ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพสตูดิโอ (Startup Studio)ที่เน้นการสร้างธุรกิจในรูปแบบสตาร์ทอัพขึ้นมาจากไอเดียใหม่ๆ เป็นผู้พัฒนาสตาร์ทอัพตั้งแต่ระยะเริ่มต้น (Early stage) และแบ่งระยะของการผลักดันสตาร์ทอัพอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ระยะฟักไข่ (HATCH) ที่เน้นการเริ่มทำความเข้าใจลูกค้า ค้นหาปัญหา และทดสอบความเป็นไปได้ในการแก้ไขปัญหานั้น ระยะเดิน (WALK) ที่เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ พร้อมทดสอบตลาดและโมเดลธุรกิจ และระยะบิน(FLY)ที่เน้นการขยายฐานลูกค้าเพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในแบบฉบับของธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยนอกจากการสนับสนุนเรื่องเงินทุนแล้ว ทางสตูดิโอยังได้เติมเต็มส่วนอื่นๆ เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถสร้างธุรกิจได้เร็วขึ้น และเพิ่มโอกาสความสำเร็จได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมความรู้ กระบวนการทำงาน รวมถึงแนวทางการวัดผลที่เหมาะสมขึ้นเป็น playbook เพื่อปรับใช้กับสตาร์ทอัพในระยะต่างๆ การจัด mentoring session เพื่อให้คำแนะนำและแบ่งปันประสบการณ์โดยบุคลากรผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ทั้งจากเอสซีจีและเจ้าของสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาแอปพลิเคชัน และการดำเนินการทางบัญชีและกฎหมาย เพื่อช่วยให้สตาร์ทอัพสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพัฒนาธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนถึงขณะนี้มีสตาร์ทอัพซึ่งเป็นพนักงานเอสซีจีผ่านเข้าร่วมโครงการ “HATCH-WALK-FLY” แล้วมากกว่า 50 ทีม ปัจจุบันมีสตาร์ทอัพที่อยู่ในระยะ WALK 7 ทีม และสตาร์ทอัพในระยะ FLY 4 ทีม โดยหลังจากนี้จะเริ่มขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้มากขึ้นต่อไป นอกจากนี้เพื่อให้การทำ Digital Transformation เป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น เอสซีจีจึงให้ความสำคัญกับการเปิดรับนวัตกรรมจากภายนอก (Open Innovation) โดยมี “AddVentures by SCG” ซึ่งเป็น Corporate Venture Capital หรือ CVC เข้าไปเสริมศักยภาพและร่วมลงทุนในดิจิทัลสตาร์ทอัพ ทั้งในไทยและภูมิภาคที่โดดเด่นอื่นๆ เพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลโดยเฉพาะ “AddVentures by SCG มีความคืบหน้าในการร่วมมือกับสตาร์ทอัพตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น 1.การลงทุนผ่านกองทุนที่ลงทุนในสตาร์ทอัพ (Fund of Fund) และการลงทุนตรงในสตาร์ทอัพ (Direct Investment)ที่มีแนวทางสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตของเอสซีจีไปทั้งสิ้น 13 ราย แบ่งเป็นการลงทุนผ่านกองทุน 2 รายและการลงทุนตรงในสตาร์ทอัพ 11 ราย 2.การสร้างความร่วมมือแบบธุรกิจร่วมทุน(Joint venture partnership)กับสตาร์ทอัพที่อยู่ในระยะเติบโต(Growth stage)เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ให้เอสซีจี โดยนำเทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจที่ได้รับการยอมรับจากต่างประเทศมาใช้ในไทย หรือต่อยอดไปใช้ในภูมิภาคอื่นด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาและทดลองตลาดกับสตาร์ทอัพทั้งสิ้น 6 ราย 3.การสร้างความร่วมมือในฐานะคู่ค้า (Commercial partnership)กับสตาร์ทอัพ โดยนำผลิตภัณฑ์หรือบริการมาใช้กับธุรกิจต่างๆของเอสซีจีแล้วกว่า 100 ราย” สำหรับกลยุทธ์และทิศทางการพัฒนาต่อไปในปี 2562-2563 ของ AddVentures by SCG นั้น โดยหนึ่งปีต่อจากนี้จะรุกสร้างเครือข่ายกับสตาร์ทอัพทั่วโลก ทั้งการลงทุนผ่านกองทุนและสตาร์ทอัพในภูมิภาคใหม่ๆ เช่น จีน อิสราเอล สหรัฐฯ และอื่นๆ ซึ่งมีลักษณะของตลาดที่น่าสนใจต่างกันไป ส่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเน้นการลงทุนที่อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม มุ่งขยายการเติบโตไปในภูมิภาคอื่นๆให้สตาร์ทอัพเหล่านี้ด้วยเครือข่ายและความเชี่ยวชาญของเอสซีจี พร้อมหวังสร้างธุรกิจที่เป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ๆให้เอสซีจีมากขึ้น โดยภายในปี 2562 คาดจะมีการลงทุนในสตาร์ทอัพเพิ่มอีกประมาณ 4-6 ราย ส่วนการสร้างความร่วมมือแบบธุรกิจร่วมทุน จะยังทำอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมกับ ZERO TO ONE by SCG เพื่อทดสอบความเป็นไปได้ของตลาด (Market validation) และปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ (Localization) โดยภายในปี 2562 คาดจะสามารถสร้างธุรกิจใหม่จากสตาร์ทอัพในกลุ่มนี้ได้ประมาณ 4-6 ราย ขณะที่การสร้างความร่วมมือในฐานะคู่ค้า จะปรับรูปแบบการทำงานให้เป็นระบบและคล่องตัวมากขึ้น พร้อมทั้งยังเดินหน้าค้นหาสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพผ่านเครือข่ายที่มีทั่วโลก เพื่อผลักดันโครงการสำคัญๆ ที่จะช่วยให้เอสซีจีได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจในอนาคตให้เห็นผลเป็นรูปธรรมได้ประมาณ 10 โครงการ โดยกลยุทธ์และทิศทางต่อไปของ ZERO TO ONE by SCG นั้นนอกจากความมุ่งมั่นในการช่วยพัฒนาสตาร์ทอัพที่ AddVentures by SCG มีอยู่ใน Portfolio ให้ดีขึ้นแล้วยังมีแผนที่จะพัฒนาสตาร์ทอัพภายในองค์กรให้ดีและเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงมองหาโอกาสในการสร้างสตาร์ทอัพ ผ่านการร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกที่สนใจจะพัฒนาธุรกิจร่วมกัน (Venture Builder Program) อีกทั้งยังจะนำความรู้และประสบการณ์จากการพัฒนาสตาร์ทอัพที่ผ่านมา กลับไปช่วยสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในกลุ่มธุรกิจหลักและภาพรวมของเอสซีจีได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการสนับสนุนการสร้างและพัฒนาสตาร์ทอัพสตูดิโอในหน่วยธุรกิจย่อยด้วย อย่างไรก็ตามการพัฒนาความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้บุคลากรภายในองค์กรเป็นสิ่งที่เอสซีจีให้ความสำคัญเช่นกันเพื่อให้การทำ Digital Transformation ประสบผลสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น ทั้งการใช้ Data Analytics วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เพื่อพัฒนาสินค้า บริการ และกระบวนการทำงานให้ตอบโจทย์ปัญหาของหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค รวมทั้งการประยุกต์ใช้ AI (Artificial Intelligence),ML(Machine Learning),AR(Augmented Reality),VR(Virtual Reality) และ Blockchain เพื่อให้กระบวนการทำงานและบริการต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับสตาร์ทอัพที่สนใจร่วมงานกับ AddVentures by SCG สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง www.addventures.co.th และ facebook.com/AddVenturesbySCG หรือ LinkedIn:AddVentures by SCG หรือสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับ ZERO TO ONE by SCG ได้ที่ www.scg.com/zerotoone