วันที่ 31 พ.ค.รองศาสตราจารย์ วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Dr.Winai Dahlan ระบุข้อความว่า...ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยพุ่ง 5 อันดับ ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับประเทศไทยในปี 2019 นี้กันสักหน่อย ยินดีกับรัฐบาล ยินดีกับสภาพัฒน์ฯ กับภาคธุรกิจ ภาคราชการรวมทั้งภาคประชาชนอย่างพวกเราในเมื่อขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยพุ่งขึ้น 5 อันดับเมื่อเทียบกับปี 2018 โดยปีนี้ประเทศไทยขึ้นมายืนอยู่ที่อันดับ 25 ในโลก คำว่าความสามารถในการแข่งขันไม่ได้หมายความว่าปีนี้ประเทศไทยแข่งขันกับทั้งโลก 200 ประเทศแล้วได้อันดับ 25 ความสามารถในการแข่งขัน (Competitiveness) เป็นคนละเรื่องกับการแข่งขัน (Competition) โดยหมายความว่าด้วยทรัพยากรที่มีจำกัดทั้งคนทั้งสินทรัพย์ เรากลับสามารถสร้างความมั่งคั่งของประเทศ สร้างความกินดีอยู่ดีขึ้นมาได้ สะท้อนให้เห็นว่าองค์กรธุรกิจทำหน้าที่ได้ดี รัฐมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น สังคมมีการจ้างงานมากขึ้น รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น คนไทยเป็นสุขขึ้นว่ากันอย่างนั้น เทียบกับประเทศในอาเซียน ประเทศไทยเป็นรองเพียงสิงคโปร์กับมาเลเซีย แต่หากดูความเร็วของการเติบโตเรายังเหนือกว่ามาเลเซีย ไม่ต้องไปเทียบกับสิงคโปร์ซึ่งขึ้นไปอยู่อันดับ 1 ของโลกแล้ว ประเทศไทยในวันนี้กำลังหายใจรดต้นคอมาเลเซีย ไม่ต้องกังวลกับอินโดนีเซียที่เติบโตรวดเร็วกว่าเรา ซึ่งต้องใช้เวลาอีกพอสมควรจึงจะขึ้นมาเทียบเคียงประเทศไทย โดยในเวลานั้นเราอาจแซงมาเลเซียไปแล้ว หน้าที่ของพวกเราภาคประชาชนในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันคือต้องขยันให้มากขึ้นเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับตนเอง สำคัญคือต้องนำความรู้ เทคโนโลยี นวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการทำงานให้มากขึ้น หากเป็นนวัตกรรมที่เราพัฒนาขึ้นเองก็ยิ่งดี จุดอ่อนของสังคมเราอยู่ตรงนั้น ตรงที่พัฒนานวัตกรรมในสังคมน้อยไปหน่อย ชินกับการรับจ้างผลิตให้คนอื่นมากเกินไปและนานเกินไป