วันนี้ (29 พ.ค. 62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ ได้เคยนำเสนอว่าประชาชนหมู่ 1 บ้านวังด้วน ต.ห้วยทราย อ.เมืองประจวบฯ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาแหล่งน้ำดิบทำประปาหมู่บ้านไม่เพียงพอต่อการอุปโภคของประชาชนในหมู่บ้านอันเนื่องมาจากภาวะภัยแล้ง ลำคลองหว้าโทนซึ่งอยู่ติดกับบ่อน้ำดิบมีตะกอนดินทรายสะสมจนตื้นเขินมาแล้วหลายปี และที่บริเวณฝายมะขามเฒ่าที่มีไว้กั้นน้ำในลำคลองก็ชำรุด มีรูรั่ว ทำให้คลองหว้าโทนไม่สามารถกักเก็บน้ำดิบไว้ใช้งานได้
ต่อมา คณะกรรมการหมู่บ้านจึงได้จัดประชุมหมู่บ้านเป็นกรณีเร่งด่วนเพื่อให้ประชาชนแสดงความเห็นร่วมกันตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 หมวด 3 มาตรา 43 ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิในการอนุรักษ์ จัดการ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือชุมชนฯ ก่อนมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยการยกมือ ให้เร่งทำการขุดลอกตะกอนดินทรายในคลองหว้าโทน ตบแต่งตลิ่งทั้งสองฝั่งให้แข็งแรง พร้อมทั้งซ่อมแซมรอยรั่วของฝายมะขามเฒ่า โดยแผนการทั้งหมดนี้ ได้ให้คณะกรรมการหมู่บ้านเป็นผู้ติดตามและประสานขอความช่วยเหลือจากภาคเอกชนให้ช่วยเหลือ สนับสนุนเครื่องมือหนักในการขุดลอก
ซึ่งก็ได้มีเอกชนได้ร่วมกันนำเครื่องจักรกล มาทำการขุดลอกคลองหว้าโทน ที่ตื้นเขินให้มีความลึก โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้ลำคลองได้มีความลึกและสามารถกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในการทำประปาหมู่บ้านต่อไป
ต่อมา คณะกรรมการหมู่บ้านจึงได้จัดประชุมหมู่บ้านเป็นกรณีเร่งด่วนเพื่อให้ประชาชนแสดงความเห็นร่วมกันตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 หมวด 3 มาตรา 43 ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิในการอนุรักษ์ จัดการ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือชุมชนฯ ก่อนมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยการยกมือ ให้เร่งทำการขุดลอกตะกอนดินทรายในคลองหว้าโทน ตบแต่งตลิ่งทั้งสองฝั่งให้แข็งแรง พร้อมทั้งซ่อมแซมรอยรั่วของฝายมะขามเฒ่า โดยแผนการทั้งหมดนี้ ได้ให้คณะกรรมการหมู่บ้านเป็นผู้ติดตามและประสานขอความช่วยเหลือจากภาคเอกชนให้ช่วยเหลือ สนับสนุนเครื่องมือหนักในการขุดลอก
ซึ่งก็ได้มีเอกชนได้ร่วมกันนำเครื่องจักรกล มาทำการขุดลอกคลองหว้าโทน ที่ตื้นเขินให้มีความลึก โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้ลำคลองได้มีความลึกและสามารถกักเก็บน้ำเพื่อใช้ในการทำประปาหมู่บ้านต่อไป