สภาพอากาศในปัจจุบันของประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือนมีนาคม ถึง พฤษภาคมมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 40 องศาเซลเซียส หากใช้คำว่า “ร้อน” ในช่วงนี้คงน้อยเกินไป ทำให้หลายๆ คน ต้องหาตัวช่วยเข้ามาบรรเทาความร้อน นอกเหนือจากการติดตั้งเครื่องปรับอากาศแล้ว จะมีวิธีที่ใดที่จะช่วยลดทั้งความร้อนให้เราควบคู่กับการช่วยลดโลกร้อนได้บ้าง ภายในงานสถาปนิก 62 งานที่รวบรวมนวัตกรรมทางด้านวัสดุก่อสร้าง สถาปัตยกรรม ที่มีความหลากหลาย ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในปีนี้จัดขึ้นช่วงปลายเดือนเมษายน 2562 ณ ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค เมืองทองธานี บริษัท แอร์โรเฟลกซ์ จำกัด (Aeroflex) เข้าร่วมงานดังกล่าวอย่างต่อเนื่องปีนี้นับเป็นปีที่ 6 โดยนำผลิตภัณฑ์ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา AERO-ROOF ร่วมจัดแสดงพร้อมสาธิตคุณสมบัติการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา AERO-ROOF ผลิตจากยางอีลาสโตเมอร์ชนิดพิเศษที่คิดค้นโดยบริษัท มีคุณสมบัติสามารถป้องกันการส่งผ่านความร้อนได้ดี แม้จะใช้ความหนาของผลิตภัณฑ์เพียงแค่ 10 มิลลิเมตร อีกทั้งทนทานกับทุกสภาวะอากาศ ไม่ดูดซึมน้ำ มีความคงทนต่อรังสีอัลตร้าไวโอเลต ไม่แห้งกรอบ มีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 10 ปี สิ่งสำคัญ ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา AERO-ROOF ผสมสารกันไฟ ทำให้ไม่ลามไฟ ไม่หลอมเหลวเมื่อถูกความร้อน ไม่เกิดควันพิษ และ ไม่เป็นฝุ่นละอองจึงไม่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้และกระทบกับระบบทางเดินหายใจ การติดตั้งผลิตภัณฑ์ทำได้สะดวก ปลอดภัย เหมาะสำหรับฝ้าและหลังคาทุกชนิด จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ให้กับกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG และ กรรมการ Aeroflex กล่าวว่า ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา AERO-ROOF เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Aeroflex ซึ่งต่อยอดมาจากผลิตภัณฑ์ฉนวนกันความร้อน/เย็น สำหรับหุ้มท่อนำความเย็น (ท่อน้ำเย็น ท่อแอร์) และท่อน้ำร้อน ซึ่ง Aeroflex มีความเชี่ยวชาญในการผลิตและเป็นผู้นำในธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น สำหรับฉนวนกันความร้อนใต้หลังคา AERO-ROOF เริ่มทำการตลาดประมาณ 3 ปี ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในอนาคต Aeroflex จึงลงทุนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 1,000 ตัน/ปี ในเฟสแรก ณ โรงงาน Aeroflex จ.ระยอง คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2562 โดยกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นนี้ สามารถรองรับการขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน ที่มีสภาพอากาศใกล้เคียงกับประเทศไทย นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ของ Aeroflex ทุกประเภท คำนึงถึงความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยปฎิบัติตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 9001 / ISO 14001 version 2015 และ ISO 50001 เป็นต้น รวมถึงการรับรองมาตรฐานจากทั่วโลก เช่น ASTM / JIS / CE / UL / FM / BS / GB / Llyod’s register และ RoHS อีกทั้ง ได้รับการรับรองการขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร และ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) จึงส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ของ Aeroflex ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้ามาอย่างยาวนาน รศ.ดร.เฉลียว กล่าว