วันที่24 พฤษภาคม 2562 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. รุ่งโรจน์ฯ และ พล.ต.ท ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์/หัวหน้าชุดปฏิบัติการ เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติและฝ่ายอำนวยการของ ศปอส.ตร. เพื่อรับทราบถึงสถิติข้อมูลอาชญากรรม สถิติการรับแจ้ง และผลการดำเนินการในห้วง ที่ผ่านมา และเร่งรัดคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบ พร้อมทั้งกำหนดนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานของ ศปอส.ตร. พล.ต.ท ปิยะ กล่าวว่าปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมได้เกิดขึ้นหลายรูปแบบ มีการขยายตัวเป็นวงกว้างและสลับซับซ้อน มีการนำเทคโนโลยีและการสื่อสารต่างๆ เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด รวมทั้งมีแนวโน้มที่บุคคลต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมในการกระทำผิดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เป็นภัยต่อความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของประเทศ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้จัดตั้ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารเสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ Thailand ‘s Action Taskforce for Information Technology Crime Suppression : TACTICS ขึ้น เพื่อปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการกระทำผิดทางอาญาที่เป็นนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ และ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์/หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ได้ขับเคลื่อนการทำงานของ ศปอส.ตร. ให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สัมฤทธิ์ผล ตามวัตถุประสงค์ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า สถิติเรื่องร้องเรียนของ ศปอส.ตร. ยังมีคดีสำคัญที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนเป็นวงกว้าง และอยู่ในความรับผิดชอบของ ศปอส.ตร. ที่กำลังดำเนินการอยู่ เช่น คดีสหกรณ์ออมทรัพย์จังหวัดจังหวัดเลย , คดีฉ้อโกงซื้อขายอาหารเป็ด สน.มักกะสัน , คดีเงินกู้ สน.มีนบุรี , คดีฉ้อโกงประชาชน บริษัท เชนลิสซิ่ง จำกัด สภ.เมืองแพร่ , คดีรับจำนำรถติดไฟแนนซ์ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และ คดีหลอกขายทัวร์ต่างประเทศ สน.หัวหมาก ซึ่งได้มอบแนวทางในการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดี พร้อมทั้งกำชับเร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติ สำหรับการปราบปรามเงินกู้นอกระบบ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ต้องการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน หรือ ศปฉช.ตร. เพื่อสืบสวน ตรวจสอบ จับกุม และดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และมีลักษณะเป็นการทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน รวมถึงการกระทำในลักษณะอื่นใดที่เป็นการกระทำความผิดโดยเป็นเครือข่ายผู้มีอิทธิพล ที่ผ่านมาได้มีผลการปฏิบัติดำเนินการแล้ว จำนวน 37 ครั้ง ตรวจค้น 45 จังหวัด742 จุดตรวจค้นดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 171 คน อายัดทรัพย์สินกว่า 27,717,114,061บาท ลูกหนี้ได้รับทรัพย์สินคืน 14,015 รายคืนโฉนดที่ดิน 20,360 ฉบับ คิดเป็นที่ดิน 57,648 ไร่ 2 งาน 42.72 ตารางวา พล.ต.ท ปิยะ กล่าวอีกว่า การดำเนินการดังกล่าว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ศปฉช.ตร. ยังคงเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งหากพี่น้องประชาชนมีความเดือดร้อน หรือประสงค์แจ้งเบาะแสการกระทำผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สร้างช่องทางในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ที่เป็นความลับและปลอดภัยแก่แหล่งข่าว ที่หมายเลขโทรศัพท์ สายด่วน 191 และ 1155 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมที่จะก้าวไปสู่ การเป็น “องค์กรบังคับใช้กฎหมาย ที่ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา”