ว่าด้วยเรื่องอนาคตของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่คสช. และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รอง น่าแปลกที่ต่างฝ่ายต่างโยนให้อีกฝ่ายเป็นตัดสินใจ พล.อ.ประวิตร บอกว่า “ยังไม่รู้ เดี๋ยวดูก่อน.....แล้วแต่นายกฯ” ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ ก็บอกว่า “ต้องให้เกียรติ นายกฯในการเลือกคนมาทำงาน” ขณะที่ตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี น้องเล็กของพี่ ก็กลับบอกว่า “แล้วแต่ท่าน” ทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ แต่เป็นห่วงกังวล แค่เรื่องสุขภาพของ พล.อ.ประวิตร เท่านั้นเอง ก็ต้องดูว่า ท่านจะรับหรือไม่ แค่ไหน อย่างไร แต่ พล.อ.ประวิตร กลับบอกว่า สุขภาพไม่เกี่ยว เรื่องจะตัดสินใจช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ ในรัฐบาลหน้าหรือไม่ “แต่ตอนนี้ ยังไม่รู้ว่า จะได้เป็นนายกฯหรือเปล่าเลย” พล.อ.ประวิตร ออกตัว ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ นั้น พร้อมที่จะมาช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ ต่อ แต่เพราะเกรงกระแสโจมตี จึงยังไม่ต้องการพูดอะไรให้ชัดเจน เพราะจริงๆนั้น ความชัดเจน มีตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า กลาโหม และมหาดไทย เป็นกระทรวงด้านความมั่นคง ที่ควรจะให้พรรคหลัก คือพรรคพลังประชารัฐ ดูแล นั่นหมายถึงการไม่ให้ พรรคร่วมรัฐบาล แต่จะเก็บไว้ให้ พี่ป้อม และ พี่ป๊อก ที่จะกลับมานั่งที่เดิม เพราะสำหรับ กองทัพแล้ว แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะควบ รมว.กลาโหม เองก็ได้ หรือจะให้ “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล เป็น รมว.กลาโหม แทน หรือเป็น รมช.กลาโหม เท่านั้นก็ตาม แต่ก็ไม่เหมือน พล.อ.ประวิตร มานั่ง ด้วยเพราะมีบารมี และความเป็นพี่ใหญ่ ที่ทำให้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทหารในกองทัพ ไม่ว่าจะ บูรพาพยัคฆ์ ทหารเสือราชินี หรือ วงศ์เทวัญ ต่างไม่ได้มีความขัดแย้งรุนแรง เพราะ พล.อ.ประวิตร กระจายอำนาจ และต่างก็เกรงใจ พล.อ.ประวิตร ยิ่งในสถานการณ์ข้างหน้า หากปล่อยให้กองทัพแบ่งขั้ว แตกแยก หรือเกิดทหารแตงโม มากขึ้นๆ ก็จะเป็นอันตรายต่อรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ สมัยหน้า อีกด้วย รวมไปถึงตำรวจด้วย ที่ พล.อ.ประวิตร ก็ดูแลได้ แม้จะมีความขัดแย้ง ของบิ๊กตำรวจ หลายคน ปรากฏชัดเจน ดังนั้น รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม จึงยังคงเป็น พล.อ.ประวิตร ที่เหมาะสมที่สุด ขณะที่เก้าอี้ รมว.มหาดไทย นั้น พล.อ.อนุพงษ์ ก็พร้อมที่จะนั่งคุมต่อ หลังจากที่ดูแลมา 5 ปี จนทะลุปรุโปร่ง แถมมี มือซ้ายมือขวา ช่วยอีก ที่สำคัญ ในเมื่อพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ก็ย่อมต้อง เดินหน้าต่อ ในการสู้ศึกเลือกตั้ง ครั้งหน้า ที่เชื่อกันว่า รัฐบาล ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีอายุแค่ 1-2 ปี เท่านั้น ก็จะมีเลือกตั้งใหม่ หาก พล.อ.อนุพงษ์ เป็น มท.1 ต่อ ย่อมได้เปรียบในการเลือกตั้ง ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่นานนี้ ที่หากสามารถคุมได้ ก็จะส่งผลถึงการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งต่อไป จึงไม่แปลกที่จะมีข่าว พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ที่จะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ จะพยายามปล่อยกระแส “ตั้งรัฐบาลขั้วที่ 3” เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง เก้าอี้ รมว.มหาดไทย และ รมว.คมนาคม แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมไม่ปล่อย เก้าอี้ มท.1 เพราะถึงขั้นประกาศออกสื่อไปแล้ว และเชื่อมั่นว่า ท้ายที่สุด พรรคต่างๆก็พร้อมร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ นั่นจึงทำให้ ภาพของรัฐบาลใหม่ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ย่อมต้องมี พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ เคียงข้าง เป็นแผงอำนาจ 3 ป.พี่น้อง ที่ไม่มีวันทิ้งกัน เช่นเคย อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร ที่แม้จะถูกโจมตีอย่างหนัก แต่ในเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ก็ผ่านมาได้ ก็ไม่น่าจะมีอะไรหนักกว่านี้แล้ว แต่ความจำเป็นคือ พล.อ.ประวิตร จะต้องอยู่เป็นพี่ใหญ่ เป็นผู้อาวุโสในรัฐบาลหน้า ต่อไป ยิ่ง พล.อ.ประวิตร มีความสำคัญในพรรคพลังประชารัฐ และยังได้ทำหน้าที่เป็น “มิสเตอร์ดีล” ในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลด้วยแล้ว ยิ่งจำเป็นต้องอยู่ใน ครม. โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องสนใจกระแส หรือลังเลใดๆทั้งสิ้น ที่สำคัญที่สุด คือ กองทัพ จะยังต้องเป็น ฐานอำนาจหลัก ของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไป พล.อ.ประวิตร ก็ต้องคุมให้นิ่งเช่นเดิม เพราะหากมองย้อนกลับไป จะเห็นว่า 5 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ได้วางตัว นายทหารหลายคนไว้เป็นทายาทอำนาจ หรือหากย้อนกลับไป ตั้งแต่หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 พล.อ.อนุพงษ์ แม่ทัพภาค 1 จนขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ก็ได้วางตัวนายทหารระดับคุมกำลังไว้อย่างแน่นหนา แม้ว่าทุกวันนี้ กองทัพ จะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง สายการบังคับบัญชาใหม่ ที่เชื่อกันว่า จะทำให้การปฏิวัติรัฐประหาร ไม่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆเช่นเดิม ก็ตาม และบรรดา “ทหารคอแดง” ที่จะขึ้นมาคุมกองทัพบก ในอนาคตอันใกล้ ก็ทำให้ ทหารเสือราชินี บูรพาพยัคฆ์ หรือแม้แต่วงศ์เทวัญ จางหายไป และจะกลายเป็น นายทหารอาชีพ ที่ถอยห่างออกจากการเมือง มากขึ้นๆ จนทำให้ พล.อ.ประวิตร ยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องมาคุมกองทัพ ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อม ขึ้นในกองทัพ เพราะ พี่น้อง 3 ป. ที่ปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจมา ย่อมไม่อยากที่จะต้องมาถูก นายทหารรุ่นน้อง ปฏิวัติล้มอำนาจ พวกเขาเอง เช่นที่เคยโดนมา เพราะสำหรับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. แล้ว ได้ชื่อว่าเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ และมีจุดยืนทางการเมืองชัดเจนมาตลอดนั้น ยังคงเป็นหลักประกันได้ว่า จะไม่มี ผบ.เหล่าทัพ คนใด คิดที่จะล้มล้างอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ ยกเว้น เกิดสถานการณ์พิเศษ ที่ต้องเอาชาติบ้านเมือง ให้รอดปลอดภัย เท่านั้น