วันที่ 24 พ.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีมีญาติของบุคคลผู้ไม่มีสัญชาติไทยเป็นกลุ่มที่อาศัยอยู่บนพื้นที่สูงรายหนึ่ง ได้ออกมาร้องเรียนผ่านโซเชียลฯ ว่า ขณะที่ญาติได้เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยผ่านทางด่านพรมแดน อ.แม่สาย ติดต่อกับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า กำลังจะไปทาง ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย เมื่อ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สายเข้าควบคุมตัวและเรียกรับเงินจำนวน 20,000 บาท แต่มีการต่อรองกันเหลือประมาณ 5,000 บาท โดยมีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ว่า ได้รับรายงานจาก สภ.แม่สาย ว่าเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2562 เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งจุดตรวจเพื่อป้องกันปราบปรามตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ บริเวณถนนพหลโยธิน เขตบ้านป่ายาง ม.8 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จว.เชียงราย พบนายลาส่วย จายคำ อายุ 45 ปี เป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน นั่งโดยสารรถประจำทางจากด่านพรมแดนแห่งที่ 1 มุ่งหน้าไปทางสถานีขนส่งแม่สาย จากการตรวจสอบพบว่านายลาส่วย ได้กระทำผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวหลบหนีจากการควบคุมตามอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ (ออกนอกเขตควบคุม)” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย ระหว่างที่จับกุมนายลาส่วย ผู้ต้องหา ได้สอบถามเกี่ยวกับการดำเนินคดีว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งชุดจับกุมก็แนะนำว่า ในคดีที่ถูกกล่าวหานี้จะต้องถูกฟ้องศาล มีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาส่วนใหญ่แนวโน้วศาลอาจจะปรับไม่น่าเกิน 5,000 บาท แต่นายลาส่วย บอกว่ามีเงินติดตัวไม่พอค่าปรับ จึงขอโทรศัพท์เพื่อแจ้งภรรยาทราบ และขอให้ภรรยาส่งเงินมาเพื่อใช้เป็นค่าปรับและค่าเดินทาง คดีนี้ พนักงานสอบสวนจะได้ทำการสอบสวน และส่งฟ้องผู้ต้องหา ต่อศาลแขวงเชียงราย ในวันที่ 24 พ.ค. 2562 พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวต่ออีกว่า ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว หากได้ข้อสรุปเป็นประการใดก็จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยพนักงานสอบสวนและคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จะดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ ตามกรอบกฎหมาย และระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้หากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมายจริง ยืนยัน่าไม่มีการปกป้องข้าราชการตำรวจที่กระทำผิดกฎหมายอย่างแน่นอน แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย จากกรณีดังกล่าวได้สั่งการมาโดยตลอด ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าไปยุ่งเกี่ยว เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการเหลื่อมล้ำกับกฎหมาย สร้างความเดือนร้อนแก่พี่น้องประชาชน นอกจากนี้ยังเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานด้วยความสุจริต เป็นธรรม ให้บริการประชาชนด้วยใจ เสมือนเป็นคนในครอบครัว นึกถึงความเดือดร้อน หรือปัญหาต่างๆที่ประชาชนมาขอความช่วยเหลือเป็นสำคัญ คอยบำบัดทุกข์บำรุงสุกแก่ประชาชน ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชา คอยสอดส่องดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดทั้งในเวลาราชการและนอกเวลาราชการ อย่างไรก็ตามหากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ จะดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดีอยู่แล้ว