จากกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นคำร้องต่อ กกต.ให้ไต่สวนสอบสวนวินิจฉัยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีให้พรรคยืมเงินส่วนตัวจำนวน “110 ล้านบาท” เพื่อทำกิจกรรมการเมืองในช่วงก่อนการเลือกตั้ง เข้าข่ายกระทำการขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 66 หรือไม่ ทั้งนี้เพราะตามมาตรา 66 ระบุว่า บุคคลใดจะบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทต่อพรรคการเมืองต่อปีมิได้หรือไม่นั้น ต่อมานายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาฯพรรคอนาคตใหม่กล่าวยืนยันในระหว่างการแถลงข่าวว่าพรรคไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ห้ามพรรคกู้ยืมเงิน และพรรคอื่นๆ อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติพัฒนา พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ล้วนเคยมีการกู้ยืมเงิน และทาง กกต.เองก็รับทราบในเรื่องนี้นั้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาได้ให้ความเห็นผ่านทางเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า การพูดของเลขาฯพรรคอนาคตใหม่เป็นการพูดเพื่อเป็นข้ออ้างเข้าข้างตัวเองโดยไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง และบทบัญญัติของกฎหมาย ทั้งนี้เพราะหากพรรคการเมืองที่เลขาฯพรรคอนาคตใหม่อ้างถึงนั้น ถ้ามีการกู้ยืมเงินกันจริง ก็เป็นการกระทำในช่วงเวลาที่มีการบังคับใช้พรป.พรรคการเมือง พ.ศ.2550 ซึ่งตามมาตรา 53 ใน (7) ได้บัญญัติข้อความ “รายได้อื่น”อยู่ด้วย พรรคการเมืองจึงสามารถกู้ยืมเงินมาใช้ในการดำเนินงานของพรรคการเมืองได้ แต่ข้อความว่า “รายได้อื่น”ไม่มีบัญญัติไว้ใน พรป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 62 ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันแต่อย่างไร “การที่นายปิยะบุตรนำการกระทำที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายพรรคการเมืองปี 2550 และปี 2560 ที่กำหนดให้พรรคการเมืองต้องปฏิบัติต่างกันมาเปรียบเทียบกัน จึงเป็นเรื่องที่ผิดฝาผิดตัว จับแพะชนแกะ ทำให้ประชาชนที่ไม่รู้กฎหมายเข้าใจผิด”อดีตผู้พิพากษาฯระบุ