วันที่ 22 พ.ค. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว 'Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล' โดยระบุข้อความว่า ...
“การระดมเงินของ พปชร. กับเงินกู้ของ อนคม.” เจตนาของการมีพรรคการเมืองนั้น ก็เพื่อรวบรวมคนที่มีจุดยืนและนโยบายเดียวกัน เพื่อทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกัน ดังนั้น แหล่งเงินหลักจึงควรจะมาจากผู้ที่เข้ามาร่วมกัน เพราะฉะนั้น การที่ อนคม. ไปกู้เงินจากคุณธนาธร จึงเป็นการกระทำที่ผิดหลักการ นอกจากนี้ บทความข้างล่างระบุว่าไม่มีกฎหมายใดที่อนุญาตให้พรรคการเมืองกู้เงินจากใคร เพราะพรรคการเมืองไม่ใช่สถาบันธุรกิจ และถ้ากฎหมายยอมให้กู้เงินได้ ก็จะเป็นการกระตุ้นให้ตัวแทนของพรรค แทนที่เข้าไปรับใช้ประเทศ กลับมีแต่จะเน้นการถอนทุนคืนโดยทุจริต ทั้งนี้ การที่ อนคม. จะต้องใช้หนี้ร่วม 100 กว่าล้านบาทนั้น ถามว่า อนคม. จะหาเงินมาจากไหน? จะต้องเก็บเงินสมาชิกคนละเท่าไหร่? เป็นไปได้จริงหรือไม่? กรณีนี้ จึงทำให้ภาพของ อมคน. กลายเป็นพรรคการเมืองเถ้าแก่หลงจู๊ เหมือนหลายพรรคที่มีภาพพจน์ติดลบในอดีต ผมจึงเห็นว่าวิธีการที่ อนคม. กู้เงินจากคุณธนาธรนั้น ผิดเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ตรงไปตรงมา และทำให้ประชาชนที่ตั้งความหวังว่าจะมีการเมืองแบบใหม่ ผิดหวังกันไปตามๆ กัน ส่วนจะมีความผิดหรือไม่ ก็จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ กกต. และศาล แต่ในอีกด้านหนึ่ง กรณีที่พรรคของรัฐบาลใด อาศัยข้าราชการไปบีบเอาเงินอุดหนุนมาจากภาคธุรกิจ ก็ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของกฎหมายเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคธุรกิจนั้นเป็นผู้ที่ได้สัมปทานรัฐ หรือเป็นบริษัทคู่ค้ากับรัฐ ที่ได้รับสัญญาในช่วงเวลาของรัฐบาลนั่น กรณีอย่างนี้ เข้าข่ายคอร์รัปชันตั้งแต่ยังไม่เข้าไปเริ่มทำงาน นอกจากนี้ กรณีที่เจ้าของเงินที่แท้จริงอาจจะไม่ใช้บุคคลที่ปรากฏชื่อเป็นผู้บริจาค เนื่องจากบริษัทที่บริจาคเงินนั้น ทำธุรกิจขาดทุน หรือมีกำไรเพียงจิ๊บจ้อย ไม่สมเหตุสมผลกับจำนวนเงินที่บริจาค กรณีอย่างนี้เข้าข่ายฟอกเงิน กรณีนี้ ประชาชนย่อมจะไม่ไว้วางใจพรรครัฐบาล กรณีที่แสดงอาการส่อไปในทางขาดธรรมาภิบาลตั้งแต่เริ่มตั้งพรรค พฤติกรรมอย่างนี้ย่อมสะท้อนการเมืองเชิงธุรกิจ การเมืองเพื่อนายทุน และการเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน มิใช่การเมืองเพื่อประชาชน และถ้ามีการบริหารราชการแผ่นดินด้วยหลักคิดอย่างนี้ ประเทศจะล่มจมอย่างแน่นอน กรณีโต๊ะจีนของ พปชร. นั้น ผมได้มีข้อสงสัยบางประการ และผมได้ทำหนังสือขอให้ กกต. ตรวจสอบเบื้องหลังของเงินบริจาค โดยเสนอแนะว่า กกต. ควรจะต้องเจาะลึก โดยสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องส่งแบงค์สเตทเมนท์มาทำการตรวจสอบเส้นทางเงินให้ถี่ถ้วน กกต. ควรจะเร่งดำเนินการสองเรื่องนี้คู่ขนานกัน เพื่อมิให้มีภาพพจน์เป็นการลำเอียง รวมทั้งควรจะคิดอ่านออกกฎระเบียบเพื่อป้องปรามพฤติกรรมที่ขาดธรรมาภิบาลทุกชนิดอีกด้วย