ตำรวจ สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ คุมตัวหนุ่มวัย 29 ปี บุกยิงอดีตภรรยา กลางงานศพพ่อตาเจ็บสาหัส และใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงตำรวจบ้านที่เข้าช่วยดับคาที่ ไปทำแผนจุดเกิดเหตุ ญาติผู้ตายตะโกนสาปแช่งด้วยความโกรธแค้นทั้งจะวิ่งเข้าประชาทัณฑ์ แต่ถูก ตร.กันไว้ ด้านอดีตภรรยาเปิดใจทั้งน้ำตาเคยถูกผู้ต้องหาทำร้ายและขู่ฆ่า จนต้องหนีไปอยู่กรุงเทพฯ ไม่คิดจะกล้ามาก่อเหตุในงานศพพ่อ เมื่อเวลา 15.00 น. (21 พ.ค.62) พ.ต.อ.สัมภาษณ์ ศรีจันทึก ผู้กำกับการ สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.ท.ยศวัฒน์ มณีวงษ์ชัยกิจ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.สตึก , ร.ต.อ.วิษณุ แสนสุข รองสารวัตรสอบสวน เจ้าของคดี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ได้นำตัวนายธิพงษ์ วิเศษ อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ บุกยิง น.ส.จันทร์บัว ชื่นรัมย์ อายุ 34 ปี ภรรยาตัวเอง ภายในงานศพของพ่อตา ที่บ้านเลขที่ 36 ม.6 ต.กระสัง อ.สตึก เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (20 พ.ค.) กระสุนเจาะเข้าบริเวณท้ายทอยและไหล่ขวาได้รับบาดเจ็บ หลังจากมาตามง้อขอคืนดีภรรยาแต่ถูกปฏิเสธและเกิดมีปากเสียงกันรุนแรง ทั้งยังได้ใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิง นายทองแดง อ่อนทา อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นอาสาสมัครตำรวจบ้าน และอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือ (อปพร.) ที่มาดูแลความเรียบร้อยในงานศพและเห็นทั้งสองคนทะเลาะกันจึงได้เข้าห้ามปราม กระสุนถูกบริเวณศรีษะเสียชีวิตคาที่ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังบ้านที่เกิดเหตุ โดยได้มีญาติผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตมารอดูการทำแผนเป็นจำนวนมาก ต่างตะโกนสาปแช่งผู้ต้องหาที่ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมแม้กระทั่งในงานศพพ่อตาตัวเอง ซึ่งขณะทำแผนมีลูกชายของตำรวจบ้านที่เสียชีวิตได้วิ่งจะเข้าไปทำร้ายผู้ต้องหา เพราะโกรธแค้นและรับไม่ได้ที่ต้องสูญเสียผู้เป็นพ่อไป ทั้งที่เข้าไปช่วยเหลือห้ามปรามไม่ให้มีเรื่องกันแต่กลับถูกยิงเสียชีวิต จนเกิดการชุลมุน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบกันตัวออก และเร่งรัดทำแผนให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็ได้นำตัวผู้ต้องหากลับไปที่ สภ.สตึก เพราะเกรงจะถูกรุมประชาทัณฑ์ ด้าน น.ส.จันทร์บัว อดีตภรรยา ที่ถูกยิงบาดเจ็บ ซึ่งได้ขออนุญาตทางโรงพยาบาลออกมาเผาศพพ่อ ในสภาพที่ยังมีบาดแผลบริเวณท้ายทอย และไหล่ขวา ได้เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกับอดีตสามีเคยถูกทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง เพราะสามีชอบดื่มเหล้าและเสพยาเสพติด จนทนไม่ไหวต้องเลิกรากันได้ประมาณ 2 ปี และช่วงที่เลิกกันตนก็ไม่กล้าอยู่บ้านต้องหนีไปทำงานกรุงเทพฯ เพราะกลัวอดีตสามีจะมาทำร้ายอีก แต่พอตนกลับมาเยี่ยมพ่อที่ป่วยหนักที่บ้าน เมื่อวันที่ 17 พ.ค. อดีตสามีรู้ข่าวก็มาตามง้อแต่ตนไม่ยอมคืนดี เพราะกลัวจะถูกทำร้ายอีก กระทั่งตกตอนเย็นวันเดียวกันสามีก็เอามีดมาขู่จะฆ่าให้ตาย แต่นายทองแดง ซึ่งเป็นตำรวจบ้านได้มาห้ามปรามไว้ อดีตสามีจึงยอมกลับบ้านไป กระทั่งวันที่ 20พ.ค. ช่วงบ่ายอดีตสามีก็กลับมาที่งานศพอีก ตอนแรกก็คิดว่าแค่จะมาร่วมงาน แต่ด้วยความที่ดื่มเหล้าเมาจึงเกิดมีปากเสียงกันตน และอดีตสามีก็เดินไปเอาปืนที่ซ่อนไว้ใต้เบาะรถ จยย.มายิงใส่ตัวเอง แต่นัดแรกปืนด้านยิงไม่ออก ตนจึงวิ่งหนี แต่สามีก็ตามยิงซ้ำนัดที่สองเข้าที่ท้ายทอยและไหล่ขวาจนล้มลง จากนั้นก็เดินไปยิงนายทองแดง ตำรวจบ้านที่เคยเข้ามาช่วยห้ามปรามไม่ให้ทะเลาะกันจนเสียชีวิต รู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ขอให้อภัยหรืออโหสิกรรมให้กับอดีตสามี ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด