มติ ส.ส.ปชป.เปิดทางกก.บห.ประสานร่วมไม่ร่วมรบ.มั่นใจพรรคลงมติไปในทิศทางเดียวกัน นัดเคาะอีกรอบ 23 พ.ค. วันที่ 21 พ.ค.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมส.ส.ของพรรคทั้ง 52 คนว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธานส.ส. และนายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นรองประธานส.ส. อีกทั้งได้แต่งตั้งประธานคณะกรรมการประสานงานหรือวิปส.ส.คือนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง เป็นรองประธานวิป ซึ่งการแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวเพื่อให้การดำเนินการของพรรคในสภา ฯบรรลุวัตถุประสงค์และตอบสนองความต้องการของประชาชน จากนั้นนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคได้กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากในการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคมีส.ส.หน้าใหม่หลายคน ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งเข้ามาครั้งแรก โดยนายชวนได้ย้ำถึงการทำหน้าที่ด้วยความตระหนักถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน และขอให้ส.ส.ทุกคนได้เรียนรู้วิธีการทำงานในระบบรัฐสภา ขณะที่ส.ส.ของพรรคได้เตรียมปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาในลักษณะของการตั้งกระทู้ถาม หรือญัตติต่าง ๆ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า มติในที่ประชุมส.ส.ในวันนี้ (21 พ.ค.)เรื่องการตัดสินใจร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล ได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารพรรคไปพิจารณาประสานงานทิศทางกับพรรคการเมืองอื่น ๆทั้งในเรื่องงานในรัฐสภา และการทำงานในฝ่ายบริหาร และให้นำข้อมูลต่างๆกับมารายงานในที่ประชุมส.ส.อีกครั้ง โดยพรรคมีเป้าหมายสำคัญคือประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และสถาบันหลักของชาติมีความมั่นคงตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงให้ได้มีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพตรงกับความต้องการของประชาชนคือเป้าหมายสุงสุดที่พรรคยึดถือประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้พรรคได้นัดประชุมส.ส.อีกครั้งในวันที่ 23 พ.ค.เวลา 13.00 น. ขณะเดียวกันจะมีการประชุมเฉพาะกก.บห.ที่พรรคประชาธิปัตย์ด้วย และหากหลังจากที่ประชุมส.ส.ได้รับฟังข้อมูลที่กก.บห.ไปประสานงานพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆแล้วเห็นว่าควรจะเรียกประชุมร่วมกันระหว่างส.ส.และกก.บห.ก็มีโอกาสเรียกประชุมในวันที่ 23 พ.ค.เลยก็ได้ และอาจจะได้ความชัดเจนออกมาในวันดังกล่าวว่าพรรคจะตัดสินร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล “ยืนยันว่าในช่วงที่ผ่านมายังไม่มีพรรคการเมืองไหนติดต่อมายังพรรคประชาธิปัตย์ และขณะนี้กก.บห.ก็ยังไม่ได้มอบหมายใครไปพูดคุยกับพรรคต่าง ๆ ซึ่งแม้กระทั้งกระแสข่าวว่านายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ไปพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทยถึงการร่วมรัฐบาลแต่อย่างใด แต่ขอให้ไปถามนายเฉลิมชัยเอง ส่วนการลงมติเลือกนายกฯนั้นหากพรรคมีมติไปในทิศทงใด ส.ส.ของพรรคทั้งหมดก็จะต้องปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกันตามมติพรรค”นายราเมศ กล่าว โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า การตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ยึดตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ยึดประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก ในการกำหนดทิศทางทางการเมืองมาตลอด