สธ.ขอทุกบ้าน ทุกโรงเรียน ทุกวัด ร่วมสำรวจจุดเสี่ยงแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เผยปีนี้ป่วยแล้วกว่า 2 หมื่นราย ตายแล้ว 25 โดยไข่ยุงจะอยู่ได้เป็นปี เพียงแค่มีน้ำเท่านั้นจะโตได้ใน 1-2 วัน ย้ำมาตรการ 3 เก็บ 3 โรค นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดก.สาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน เกิดฝนตกในหลายพื้นที่ อาจมีน้ำขังในภาชนะที่ถูกทิ้งไว้บริเวณบ้าน โรงเรียน ศาสนสถาน กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก โดยในปีนี้ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 13 พ.ค.62 ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา ก.สาธารณสุข ระบุพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเป็นเด็กนักเรียนถึงร้อยละ 52 จากผู้ป่วยทั้งหมด 20,733 คน เสียชีวิต 25 ราย จึงขอเชิญชวนให้ผู้ปกครอง ครู พี่เลี้ยงเด็ก เข้มงวดเรื่องการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เพื่อให้ลูกหลานปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออกต้อนรับเปิดเทอมใหม่ เพราะเด็กนักเรียนมีโอกาสได้รับเชื้อโรคไข้เลือดออกจากยุงลายที่บ้านและโรงเรียน ทั้งนี้ ขอให้ทุกบ้าน ทุกโรงเรียนสำรวจจุดเสี่ยงที่เป็นแหล่งเพาะพันธ์ลูกน้ำยุงลายที่พบบ่อย เช่น ภาชนะที่ถูกทิ้งรอบๆ บ้าน จานรองกระถางต้นไม้ ยางรถยนต์เก่า ที่อาจพบไข่ยุงลายติดอยู่และอยู่ได้นานถึง 1 ปี เมื่อมีน้ำขัง ไข่ยุงจะเติบโตเป็นลูกน้ำยุงลายได้ ภายใน 1-2 วัน ส่วนในบ้านพบได้ตามภาชนะรองน้ำทิ้งด้านหลังตู้เย็น แก้วน้ำ หิ้งพระ แจกันที่ศาลพระภูมิ ขอให้ล้างทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์ ซึ่งหากทุกคนร่วมกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย จะช่วยลดจำนวนลูกน้ำยุงลายและโอกาสการเกิดโรคไข้เลือดออกลงได้ นพ.สุขุมกล่าวว่า วิธีป้องกันการเกิดไข้เลือดออกที่ดีที่สุด คือกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย ใช้มาตรการ “3 เก็บ 3 โรค” คือ 1.เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุงล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำและเปลี่ยนน้ำในกระถางหรือแจกันดอกไม้ทุกสัปดาห์  2.เก็บขยะ เศษภาชนะรอบบ้าน ทำต่อเนื่องสัปดาห์ละครั้ง ไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ 3.เก็บน้ำ ภาชนะที่ใส่น้ำต้องปิดฝามิดชิดป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่ ซึ่งการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย จะสามารถป้องกันได้ 3 โรค คือ โรคไข้เลือดออก โรคติดเชื้อไวรัสซิก้า และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ประชาชนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422