วันที่ 19 พ.ค.2562 นายวิรัตน์ พรมจาด อายุ 68 ปีประธานสภา อบต.ท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร อยู่บ้านเลขที่ 46 หมู่ 3 ต.ท่าหลวง อ.เมืองพิจิตร พร้อมด้วย นายโกศล พุ่มสุวรรณ อายุ 78 ปี อดีตเลขานายก อบต.ท่าหลวง , นายสุเนตร วัฒนา อายุ 56 ปี ส.อบต. หมู่ 9 ต.ท่าหลวง , นายทุเรียน แสงศิริ อายุ 63 ปี ส.อบต.หมู่ 10 ต.ท่าหลวง ได้ร่วมกันเข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวและแสดงเอกสาร ว่า พวกตนได้ร่วมกันเฝ้าสังเกตและตรวจสอบผู้นำท้องถิ่น ( ขอปกปิดชื่อและตำแหน่งผู้ถูกกล่าวหา ) ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐที่มีพฤติกรรมทุจริตในโครงการรับเหมาก่อสร้างจำนวน 6 โครงการ และ 16 โครงการ ซึ่งเป็นงบประมาณของทางราชการ แต่ปรากฏว่าผู้นำท้องถิ่นและข้าราชการบางคนในระดับท้องถิ่นรวมถึงผู้รับเหมารวมแล้ว 11 ราย ได้ร่วมกันกระทำการทุจริตในโครงการก่อสร้างดังกล่าว จากนั้นพวกตนและชาวบ้านได้ถ่ายรูปและเก็บหลักฐานเข้าร้องเรียนกับ ป.ป.ช.พิจิตร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องใช้เวลาสืบสวน สอบสวนอยู่นานนับปี จนในที่สุดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือคดีหมายเลขดำที่ 10-2-490/2560 คดีหมายเลขแดงที่ 171-2-5/2561 มีผู้ถูกกล่าวหา 9 ราย ทุจริตต่อหน้าที่โดยเข้ารับเหมางานโครงการก่อสร้างของ อบต.แห่งนั้น ในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 16 โครงการ โดยใช้ชื่อของบุคคลอื่นมาเป็นคู่สัญญาแทนตน เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้นและฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ,
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีหมายเลขดำที่ 10-2-245/2560 คดีหมายเลขแดงที่ 483-2-5/2561 มีผู้ถูกกล่าวหา 11 ราย ทุจริตต่อหน้าที่โดยเข้ารับเหมางานก่อสร้างของ อบต.ท่าหลวง ในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 6 โครงการ ซึ่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารคำวินิจฉัยได้ส่งมายังจังหวัดพิจิตรเพื่อให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการตามหน้าที่กับบุคคลผู้ถูกกล่าวหาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยและให้สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในชั้นศาล
โดยเรื่องดังกล่าวผ่านมาเนิ่นนานพอสมควรแล้ว แต่ปรากฏว่าผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนกลับยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนหรือน่าพึงพอใจให้กับชาวบ้านหรือผู้ร้องทุกข์ร้องเรียนกลุ่มนี้ เป็นเหมือนดั่งว่าปล่อยให้คนทุจริตลอยนวล เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 นายวิรัตน์ พรมจาด ประธานสภา อบต.ท่าหลวง และชาวบ้านได้ร่วมกันลงชื่อเป็นบัญชีหางว่าวส่งเรื่องร้องทุกข์ไปยัง นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร รวมถึงได้เข้าพบผู้ว่าฯพิจิตร ว่าขอให้ช่วยเร่งรัดให้มีบทลงโทษตามผลคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด แต่ก็ปรากฏว่าตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ความศักดิ์สิทธิ์ของ ป.ป.ช. กับไม่ออกฤทธิ์ ซึ่งถ้าเหตุการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปใครจะยำเกรง ป.ป.ช.จึงต้องมาร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวดังกล่าว
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีหมายเลขดำที่ 10-2-245/2560 คดีหมายเลขแดงที่ 483-2-5/2561 มีผู้ถูกกล่าวหา 11 ราย ทุจริตต่อหน้าที่โดยเข้ารับเหมางานก่อสร้างของ อบต.ท่าหลวง ในปีงบประมาณ 2559 จำนวน 6 โครงการ ซึ่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารคำวินิจฉัยได้ส่งมายังจังหวัดพิจิตรเพื่อให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนดำเนินการตามหน้าที่กับบุคคลผู้ถูกกล่าวหาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยและให้สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในชั้นศาล
โดยเรื่องดังกล่าวผ่านมาเนิ่นนานพอสมควรแล้ว แต่ปรากฏว่าผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนกลับยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนหรือน่าพึงพอใจให้กับชาวบ้านหรือผู้ร้องทุกข์ร้องเรียนกลุ่มนี้ เป็นเหมือนดั่งว่าปล่อยให้คนทุจริตลอยนวล เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 นายวิรัตน์ พรมจาด ประธานสภา อบต.ท่าหลวง และชาวบ้านได้ร่วมกันลงชื่อเป็นบัญชีหางว่าวส่งเรื่องร้องทุกข์ไปยัง นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร รวมถึงได้เข้าพบผู้ว่าฯพิจิตร ว่าขอให้ช่วยเร่งรัดให้มีบทลงโทษตามผลคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด แต่ก็ปรากฏว่าตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ความศักดิ์สิทธิ์ของ ป.ป.ช. กับไม่ออกฤทธิ์ ซึ่งถ้าเหตุการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปใครจะยำเกรง ป.ป.ช.จึงต้องมาร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวดังกล่าว