วราวุธ เผย ชทพ.ถูกจีบจากทั้ง 2 ข้าง พปชร.-พท. ยัน ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกข้างไหน ยอมรับ 250 เสียงปริ่มน้ำ บอก ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง พปชร.ให้ ชทพ. 2 เก้าอี้ เชื่อ คิดตามอัตราส่วน 7:1 เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นายวราวุธ ศิลปอาชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบาย พรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้าการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ ว่า ตามที่มีกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐได้จัดสรรโควต้าให้กับพรรคการเมืองต่างๆแล้วนั้น เชื่อว่าคงเป็นความเข้าใจกันในส่วนของพรรคพลังประชารัฐเอง แต่ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนานั้นยังไม่ได้มีการพูดคุย ลงรายละเอียด และเท่าที่ตน ได้พูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นทราบว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยใดๆทั้งนั้น มีแต่เพียงพูดคุยกันไว้หลวมๆถึงแนวทางการทำงาน แต่ในรายละเอียดยังไม่ได้มีใครได้รับการติดต่อจากพรรคพลังประชารัฐว่าเป็นอย่างไร ยังไม่มีสายต่อมา และในเวลานี้ก็ยังไม่มีการนัดแนะพูดคุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลกันแต่อย่างใด ตนเองก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากใคร ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่าเป็นการพูดคุยหลวมๆนั้น คือ คุยกับแกนนำพรรคใดบ้าง แกนนำพรรคพลังประชารัฐด้วยหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า “มีการติดต่อมาทั้ง2ข้าง แต่ยังไม่มีการพูดคุยกันอย่างเป็นกิจลักษณะว่าตกลงกันอย่างนั้นอย่างนี้ ยังไม่มีการพูดคุยกัน แค่เป็นการชักชวนเบื้องต้นจากทั้งสองข้าง และผมก็เชื่อว่าทางพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยเองก็โดนทั้งสองข้างเทียบเชิญแน่นอน อย่างไรก็ตามในวันเสาร์ที่ 25 พ.ค.นี้จะมีการเลือกประธานสภา เราก็ยังไม่รู้เลยว่าแต่ละข้างจะเสนอใคร ทั้งนี้พรรคชาติไทยพัฒนาเองจะต้องมีการประชุมพรรคเหมือนกันเพื่อหารือว่าพรรคจะไปในทิศทางใด ซึ่งกำลังหารือกับหัวหน้าพรรค ก็ยังดูกันอยู่ว่าจะอย่างไร อาจจะเป็นวันที่ 23 พ.ค.ที่จะประชุม” ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อถูกเทียบเชิญทั้งสองข้าง แต่ละข้างยื่นข้อเสนออะไรให้กับพรรคชาติไทยพัฒนาบ้าง นายวราวุธ กล่าวว่า ทางพรรคเพื่อไทยเสนอว่าจะเอาอะไรก็บอก ไม่มีปัญหา ในส่วนพรรคพลังประชารัฐก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้กันอยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่ได้มีการคอนเฟิร์มใดๆกันทั้งสิ้น เมื่อถามว่าในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนานั้นมีแนวทางอย่างไรในการตัดสินใจว่าเลือกข้างใด นายวราวุธ กล่าวว่า อยากดูว่านโยบายที่พรรคชาติไทยพัฒนาให้ไว้กับประชาชนทั้ง7ด้าน อาทิ เรื่องการเกษตร การศึกษา การสาธารณสุข และสังคม ที่เราได้หาเสียงเลือกตั้งนั้นมีส่วนไหนจะสามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้ในรัฐบาล นำไปผนวกกับนโยบายรัฐบาลได้หรือไม่ หากสามารถทำตามนั้นได้เราก็ยินดี เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐเสนอโควต้ารัฐมนตรี 2 เก้าอี้ให้ชทพ. นายวราวุธ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ถ้า เทียบกับจำนวนส.ส. ที่เรามีอยู่ 10 ที่นั่งนั้นก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะตอนนี้เสียงปริ่มกันอยู่ประมาณ 250 และอัตราส่วนอยู่ที่ประมาณ 7:1 หากปัดเศษกันแล้วให้เกียรติกันแล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจ แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการคอนเฟิร์มมาจากพรรคพลังประชารัฐแต่อย่างใดว่าชทพ.ได้ 2 ที่นั่งอย่างที่มีกระแส ผู้สื่อข่าวถามถึง ความเป็นไปได้เรื่องขั้วที่3 นายวราวุธ กล่าวว่า คิดว่าไม่มี คงมี2ขั้วเท่านั้น เพราะขั้วที่3จะอยู่เองก็อยู่ไม่ได้ ขั้วที่1 และขั้วที่2 จะอยู่เองก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้นจะเกิดขั้วที่3 ย่อมเป็นไปไม่ได้ จึงไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า มองปรากฏการณ์ที่โลกโซเชียลหนุนให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่ามีคนกลุ่มใหญ่ที่ต้องการเห็นนายธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี มิฉะนั้นแล้วพรรคอนาคตใหม่คงจะไม่ได้คะแนนท่วมท้นมากขนาดนี้ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่พิสูจน์ได้จริง แต่เมื่อเป็นกระแสของโลกโซเชียลออกมาอย่างนั้นตนเองยังต้องฟังหูไว้หูเพราะบนโลกออนไลน์ไม่เหมือนคะแนนแห่งความเป็นจริง และการสร้างกระแสบนโลกออนไลน์นั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก นายวราวุธ กล่าวในตอนท้ายว่า ขอฝากประชาชนว่าอย่าเพิ่งรีบร้อนเร่งตัดสินใจใดๆไปกับกระแสข่าวต่างๆที่เกิดขึ้น เพราะช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของประเทศในขณะนี้ มักมีข่าวลวงข่าวปล่อยเกิดขึ้นมากมาย ขอให้แต่ละคนวิเคราะห์ข่าวโดยใช้สติ อย่านำความสะใจมาเป็นที่ตั้ง ค่อยๆอ่านแล้วคิดถึงความเป็นไปได้ ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจว่าอะไรเป็นอะไร บางคนบอกว่าพรรคการเมืองนั้นจะได้กระทรวงนี้พรรคการเมืองนี้จะได้กระทรวงนั้น ทั้งที่จะสรุปสุดท้ายได้จริงก็เมื่อมีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเท่านั้น นอกนั้นเป็นข่าวลือข่าวปล่อยทั้งนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้