นายกฯ ลั่น 4 กระทรวงเกรดเอ ต้อง พปชร.เท่านั้น ไม่ขัดพรรคร่วมเสริมทีมศก."สมคิด"รัฐบาลหน้า ดักคอมีตำแหน่งอีกเยอะช่วยได้ ไม่ใช่มุ่งต้องนั่งรมต.เท่านั้น วันที่ 17 พ.ค. 62 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้เข้าไปมีส่วนในการจัดสรรตำแหน่งด้วยหรือไม่ว่า เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่เสนอขึ้นมา ตนต้องเคารพเสียงประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองมา ซึ่งแต่ละพรรคล้วนมีนโยบายดีๆ ก็ต้องยอมรับให้เข้ามาในคณะรัฐมนตรี(ครม.) อย่าคิดว่าเป็นการให้เก้าอี้ อยากให้คิดว่าเราจะทำอย่างไรให้ทุกคนมีส่วนร่วมใน ครม. และ ครม.หลังเลือกตั้ง ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ง่ายอย่างเดิมแล้ว ก็ได้เตือนกับพรรคการเมืองหลายอย่างแล้ว ว่าทำไม่ได้แบบเดิมไม่ง่าย เพราะติดกฎหมาย มีคณะตรวจสอบ อยู่ในการจับตาของประชาชน ส่วนการบริหารจัดการรัฐบาลใหม่ จะไม่ยุ่งยากถ้าใช้กฎระเบียบจัดการ ถามว่ารัฐบาลผสมจากหลายพรรค อาจเกิดความไม่พอใจในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อต้องช่วยกันทำให้สังคมเรียนรู้ว่า นี่เป็นการจัดตั้งของรัฐบาล เมื่อมาอย่างนี้ก็ต้องไปอย่างนี้ ไม่ใช่ตนทำให้เป็นอย่างนี้ ทุกคนให้ความสำคัญต่อการเลือกตั้ง และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เข้ามาหารือกับตนเลย ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของพรรคไปก่อน แต่ท้ายที่สุดคนที่ตัดสินใจ คือนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งนายกฯคนใหม่จะได้ใครก็ยังไม่รู้เลย เพราะยังมีเต็ง2,3 อยู่ด้วย เมื่อถามว่า มี 4 กระทรวงคือ กระทรวงกลาโหม มหาดไทย คลัง คมนาคม ไม่สามารถให้พรรคร่วมได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ควรจะอยู่กับฝ่ายความมั่นคงและพรรคหลักหรือไม่ เพื่อดูแลให้เดินหน้าไปได้ ขอย้ำว่าผมไม่หวงผลประโยชน์ ผมไม่เคยมีผลประโยชน์ ส่วนกระทรวงการคลังและคมนาคม เขาคุยกันอยู่ ให้เขาคุยกันก่อน ถ้าผมเป็นนายกฯก็ค่อยมาดูกันอีกที ซึ่งไม่น่าเปลี่ยนแปลง ถ้าคุยกันได้อย่างที่ผมว่า แต่ละพรรคขออย่ากังวล เพราะผมให้เกียรติทุกพรรค เพราะตอนมีหลักการที่จะต้องดูสัดส่วนความเหมาะสมของพรรคร่วม ทั้งคะแนนการเลือกตั้งก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำมาพิจารณาด้วย ส่วนใครจะเหมาะสมตรงไหน ก็ค่อยว่ากันอีกที เราจะเดินหน้าไปแบบนี้ แม้คะแนนใกล้เคียงกัน ก็ขอให้บ้านเมืองไปได้ก่อนจะได้ไหม” เมื่อถามว่าจะบริหารจัดการอย่างไรกับพรรคร่วมที่มีกว่า 20 พรรค พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพูดคุยร่วมมือกัน ไม่ว่าจะ 30 หรือ 50 พรรค ก็ช่างมันเถอะ เราต้องดูว่าทุกคนทำจริงอย่างที่กล่าวว่าทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลักหรือไม่ แล้วจะทำได้จริงหรือไม่นั้น ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน แล้ววันหน้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกก็ได้ วันหน้าจะเป็นอะไรก็ยังไม่รู้ ส่วนตัวถ้าไม่เป็นก็กลับบ้านนอน แล้วทุกคนจะคิดถึงตน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ไม่อยากให้คำว่าต่อรองตำแหน่งกัน เพราะเป็นหารือกันถึงความเหมาะสมกับตำแหน่ง ทั้งนี้ ตนไม่ได้พูดคุยกับพรรคอื่นๆ เพราะเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้ การเมืองในวันข้าวหน้า คิดว่าไม่จำเป็นต้องปรับตัว เมื่อทำงานกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ต้องพูดคุยกันให้มากขึ้น ให้เกียรติคนที่เคยทำงานมาก่อน ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่ารัฐบาลผสมจะมีอายุไม่ยืนนั้น คิดว่า ไม่ยืดก็ไม่ยืด ก็แล้วแต่ว่าเราจะทำให้ยืดหรือไม่ แต่ต้องให้เวลาในช่วงเปลี่ยนผ่านบ้าง ต้องยอมรับกติกาประชาธิปไตย ที่ผ่านมาเราปฏิรูปมากมาย ใช่ว่าไม่ทำอะไร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนต้องปรับอีก เช่น การพูดให้ช้าลง ทำหน้างอให้น้อยลง เป็นต้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ไม่ทราบว่าจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ไปเพื่อเดินหน้าเรื่องกัญชาเสรีหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอีก อย่างไรก็ตาม วันนี้เรื่องกัญชาได้เดินหน้าไปมาก แต่ทุกอย่างไม่สามารถเดินหน้าไปอย่างง่ายดายนัก จึงอยากคิดว่าได้กระทรวงที่เกี่ยวข้องไปแล้ว จะทำได้ทุกอย่าง เพราะต้องมาหารือกันใน ครม. เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ให้พรรคร่วมมาเสริมทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายกฯกล่าวว่า โอเคก็ช่วยได้ ช่วยได้หลายอย่าง เป็นรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วย ที่ปรึกษา หรือผู้ช่วยรัฐมนตรีก็ได้มีตำแหน่งเยอะ ประธานกรรมาธิการก็มี ถ้าทุกคนมุ่งแต่จะเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีก็มีตำแหน่งเดียว ช่วงนี้ก็ว่ากันไปก่อนและทำให้ขึ้นให้ได้ เพื่อเกิดความต่อเนื่อง เปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงตรงไหนก็ว่าไป เมื่อถามต่อว่า กังวลหรือไม่พรรคร่วมที่จะเข้ามาจะมาถอนทุน พล.อ. ประยุทธ์ ตอบว่า ท่านก็รู้กันอยู่แล้ว และคิดว่านักการเมืองก็รู้กันอยู่แล้ว เท่าที่เจอกันมาตลอด ที่เคยคุยกันบ้างก่อนจะเลือกตั้งก็เคยถามว่า ปัญหาที่เคยมีมาก่อนจะทำอย่างไร เขาก็บอกว่าต้องทำใหม่ แต่วันหน้าการทำใหม่ของเราจะได้เห็นว่าต้องทำอย่างไร อย่าเพิ่งไปล็อกตัวเองกันเลย เมื่อถามว่า รัฐบาลหน้าถ้าได้เป็นนายกฯจะไม่ให้มีการทุจริตอีกใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนยืนยันอย่างนี้มาตลอด มันผิดกฎหมายหรือไม่