ดนตรี/วรรณากร ทองเสริม หากมองโดยผิวเผินโดยที่ไม่เคยรู้จักชื่อของ อันเดรีย โมติส มาก่อน ก็คงคิดว่าเธอไม่น่าจะต่างไปจากนักร้องสาวสายแจสส์-บอสซาโนวาคนอื่นๆ มากนัก ในความเป็นจริง โมติส ไม่ได้เป็นแค่นักร้อง แต่เธอยังเป็นนักดนตรีและเล่นเครื่องดนตรีที่มีผู้หญิงไม่มากนักจะเลือกเรียนและเล่นอย่างทรัมเปตและอัลโต แซกโซโฟน ควินซี่ โจนส์ ที่เคยเจอเธอตอนอายุสิบเจ็ด ออกปากว่า โมติส เป็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์ โมติส เป็นชาวคาตาลันโดยกำเนิด เธอโตที่บาร์เซโลนา เข้าเรียนที่โรงเรียนดนตรีที่นั่น เริ่มเรียนและเล่นดนตรีตั้งแต่เจ็ดขวบ พออายุ 12 ปีก็ร่วมวงกับ โจน ชามอร์โร ชายผู้เป็นทั้งครู ที่ปรึกษาและเพื่อนนักดนตรี พออายุสิบห้า เธอก็มีผลงานเพลงชุดแรกภายใต้การดูแลของ ชามอร์โร ภายใต้ชื่อว่า Joan Chamorro Presents Andrea Motis แต่ โมติส ต้องรอจนถึงเมื่อสองปีที่แล้ว เธอจึงมีผลงานเป็นของตัวเองอย่างเต็มตัวกับสังกัดใหญ่อย่าง Impulse! อัลบั้ม Emotional Dance ถือว่าเป็นงานที่เปิดตัวเธอได้อย่างสวยงามในวงการแจสส์ ในวัย 23 ปี โมติส มีผลงานชุดล่าสุดในแบบสตูดิโออัลบั้มเป็นชุดที่ 2 ชื่อว่า Do Outro Lado Do Azul และเธอทำให้คนฟังเข้าใจเสียใหม่ว่า บอสซาโนวา ไม่ได้มีแต่เพลงหวานเย็น ชิลล์ๆ หรือน่ารักจุ๋มจิ๋ม เธอผสมผสานดนตรีบราซิลเลี่ยนเข้ากันสแตนดาร์ดแจสส์แบบอเมริกันได้อย่างนุ่มนวลและน่าฟัง ไม่ว่าจะเป็นเพลงร้องหรือเพลงบรรเลง นอกเหนือจาก ชามอร์โร คุณครูคู่บุญและเพื่อนร่วมวงที่ทำงานด้วยกันมาตลอด โมติส เลือกที่จะเชื้อเชิญนักดนตรีอเมริกันมาร่วมบรรเลงในงานชุดนี้ด้วย กลิ่นอายของเพลงแจสส์อเมริกันจึงเด่นชัด แต่ก็ไม่ได้ข่มทับรากเหง้าจากดนตรีบราซิลเลี่ยนและเมดิเตอร์เรเนียนจนเกินไป โมติส ทั้งและเล่นเครื่องดนตรีที่เธอถนัดอย่างทรัมเปต-แซกโซโฟน และร้องเพลงทั้งในภาษาโปรตุเกส สเปนและคาตาลัน Do Outro Lado Do Azul เป็นงานที่เสพง่าย ไม่ว่าคุณจะเป็นคอแจสส์หรือไม่ เพลงของ โมติส ลื่นไหล หลากหลาย และไม่หวานเลี่ยนในแบบที่มักเกิดขึ้นกับการเล่นเพลงบอสซาโนวา ทั้งเพลง “Brisa”, “Sense Pressa”, “Mediterraneo” คือเพลงที่โดดเด่น เช่นเดียวกับเพลงสนุกๆ อย่าง “Pra Que Discutir Com Madame” และ “Sombra De La” โมติส ปิดท้ายงานด้วยเพลงที่ 13 - “Baião De Quatro Toques” ที่แอบใส่ท่อนที่คุ้นหูของเพลง Brazil (Aquarela Do Brasil) เข้ามาด้วย แต่อยู่ในสีสันจัดจ้านกว่าที่เราเคยได้ยิน เป็นเพลงความยาว 4 นาทีเศษที่ให้ความรู้สึกว่าครบเครื่อง ถึงอารมณ์ เป็นการจบงานได้อย่างสมบูรณ์และทำให้ Do Outro Lado Do Azul เป็นงานเพลงสายแจสส์ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง