"อนุทิน" ปัดควงปชป.ตั้งขั้วที่ 3 ชี้ "ภท."เจียมตัวรอทุกฝ่าย รับกดดันถูกทาบตั้งรบ. ลั่น 20 พ.ค.นี้ รู้เข้าคอกไหน ลั่น "บร้า" หลังสะพัดโซเชียลจับมือ "มาร์ค" ซบ "พท.- อนค." แถลงข่าว "หญิงหน่อย"รุกหนักประเคนเก้าอี้"นายกฯ"ให้"ปชป.-ภท."แลกร่วมรบ. ด้าน"จุรินทร์"ย้ำทิศทางการเมืองต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม กก.บห.-ส.ส. ส่วน "ชวน" ปัดยกหูคุย "บิ๊กป้อม" พร้อมร่วมรบ. จ่อฟ้องต้นขั้วข่าวทำเสียหาย ยังไม่คืบ!"สนธิรัตน์"รอมติกก.บห.ประชาธิ ปัตย์ - ภท.ค่อยเทียบเชิญร่วมตั้งรบ.อย่างเป็นทางการ ปัดแบ่งเค้ก "รมต." ให้พรรคละ 7 เก้าอี้ บอกไม่หวั่นคนวิจารณ์สานต่อเผด็จการ หึ่ง "พปชร."ยกเก้าอี้ประธานสภาฯให้ "ปชป." แต่คนในพรรคหวั่น ไม่ปกป้อง"บิ๊กตู่ - ครม." ด้าน "วิรัช" ส่อแห้ว หลัง ป.ป.ช.เตรียมวินิจฉัยปมทุจริตสร้างสนามฟุตซอล "พรรคพลังท้องถิ่นไท" ยันไม่แถลงข่าวร่วมรัฐบาล ย้ำชัดจุดยืนชัดเจนทำทุกอย่างให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ พร้อมสร้างประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข "กกต." ส่งเรื่องศาลรธน. วินิจฉัย ปม "ธนาธร" ถือหุ้นสื่อ ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 16 พ.ค.62 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงการหารือของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เพื่อกำหนดท่าทีว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล ว่า ทุกอย่างจะต้องเริ่มต้นจากการประชุมร่วมของกรรมการบริหารพรรคและส.ส.ที่จะตัดสินใจ ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวว่า ได้โทรคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ว่าจะไปร่วมรัฐบาล 100 เปอร์เซนต์ แต่ขออย่ามาแทรกแซงภายในพรรค โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่เคย ไม่เคย ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ทำให้นายชวนไม่พอใจและอาจจะดำเนินการฟ้องร้องกับสื่อที่นำไปรายงานเผยแพร่ เพราะพาดพิงทำให้นายชวนเสียหาย ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยภายหลังนำส.ส.เข้ารายงานตัวต่อสภาถึงการจัดตั้งรัฐบาล ว่า ต้องรอความพร้อมของทุกฝ่ายก่อน เพราะไม่สามารถเดินไปได้ด้วยตัวเอง ขณะนี้พรรคภูมิใจไทย ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม พรรคจะมีการปฐมนิเทศ ส.ส. และประชุมกรรมการบริหารพรรค ที่จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 19-20 พ.ค.นี้ จึงคาดว่า วันที่ 20 พ.ค.นี้ พรรคจะมีความชัดเจน เมื่อถามว่า การจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่ 3ระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกัน แต่ได้โทรไปแสดงความยินดีกับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคคนใหม่ และแสดงความยินดีไปยัง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคอันดับ 5 การจะเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ไม่มีสิทธิรวมทั้งต้องเจียมตัว "ผมยอมรับว่ากดดันมาก เพราะตอนนี้มีการแบ่งฝ่ายกันเป็นประชาธิปไตยกับเผด็จการ คนกลางๆ อย่างภูมิ ใจไทยก็รู้สึกกดดัน เพราะเราเชื่อมั่นว่าเมื่อเลือกตั้งจบ ประชาชนตัดสินใจแล้ว ก็ไม่ควรพูด แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน แต่ถ้าจะมองว่าใครจะอยู่ฝั่งไหน จะทำงานกันอย่างไรนั้นพูดได้" ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีกระแสข่าวสะพัดพร้อมทั้งส่งต่อทางโซเชียล ระบุว่า "ล็อกถล่มทลาย อภิมหาฟ้าสั่ง ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย เปลี่ยนใจนาทีสุดท้ายร่วมเพื่อไทย อนาคตใหม่ จัดตั้งรัฐบาล +60 สว รวม 420 เสียงบรรญัติ ประธานสภา อนุทิน นายกเย็นนี้ พรรคร่วมจะแถลงข่าว" ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวประจำพรรคภูมิใจไทยได้สอบถามถึงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว โดย นายอนุทิน ได้ตอบกลับสั้นๆ ว่า "บร้า" ขณะที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะยกเก้าอี้นายกฯ ให้พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์หากทั้งสองมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคขอเพียงเก้าอี้ประธานสภาฯ ว่า ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย ส่วนการเสนอชื่อประธานสภาฯของพรรค ได้เตรียมพร้อมไว้ในระดับหนึ่ง แต่ยังคงต้องหารือกันเพิ่มอีกนิด เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า เมื่อนายจุรินทร์เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ยังคงมีจุดยืนยึดมั่นที่จะอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตรงนี้คงตอบแทนไม่ได้คิดว่าทุกพรรคพยายามที่จะรักษาคำมั่นสัญ ญาจากประชาชนและเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจะคิดคล้ายๆกัน ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวถึงกระแสข่าวแบ่ง โควตารัฐมนตรีให้กับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย พรรคละ 7 เก้าอี้ ว่า ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น และไม่ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลอย่างที่เป็นข่าว เพราะต้องเคารพการทำงานของพรรคอื่ นที่จะมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีขั้นตอนภายใน จึงต้องรอให้มีมติออกมาก่อน ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนของการรอ ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับโควตารัฐมนตรีที่มีข่าวว่าจะได้ 7 ตำแหน่ง มาถึงพรรคพลังประชารัฐหรือยัง นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ยังไม่มีเรื่อง 7 ตำแหน่งรัฐมนตรี และยังไม่ได้ประสานงานอย่างเป็นทางการ เวลานี้ยังทำอะไรไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยไม่ตัดสินใจมาร่วมรัฐบาล จะทำอย่างไร นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งคาดเดากันไป วันนี้คุยกันแบบนี้ แต่เมื่อได้คำตอบจากทั้งสองพรรคค่อยมาว่ากัน เมื่อถามว่า นายอนุทินระบุว่าพรรคพลังประชารัฐยังไม่มีใครไปเชิญอย่างเป็นทางการ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เราก็รอพรรคภูมิใจไทยเช่นกัน เพราะทุกพรรคมีกระบวนการขั้นตอนของตัวเอง พรรคพลังประชารัฐ ให้เกียรติทุกพรรค และพร้อมประสานกับทุกพรรคเมื่อขั้นตอนภายในของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อข้อถามว่า กังวลหรือไม่ว่า ความอึดอัดของพรรคภูมิใจไทยจะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่ 3 นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามยอมรับว่าพรรคพลังประชารัฐในฐานะที่อาสาเป็นแกนนำตั้งใจพูดคุยกับทุกพรรคที่สามารถร่วมงานกันได้และมีแนวคิดและความตั้งใจที่จะไปด้วยกัน เพื่อร่วมกันทำงานให้กับประเทศพรรคพร้อมจะชวนทุกพรรค เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่มีเสียงวิจารณ์ว่า หากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยมาร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เหมือนเป็นการสานต่อเผด็จการ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เวลานี้มีข่าวต่างๆ ค่อนข้างมาก ซึ่งการโจมตีกันไม่ได้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ และไม่อยากเห็นการใช้วาทกรรมมาเป็นจุดสร้างความแตกแยก หรือความขัดแย้งในบ้านเมืองต่อไป วันนี้ต้องเดินไปตามครรลองประชาธิปไตยใครที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ก็ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า "จะพยายามทำให้ได้ ไม่ต้องห่วง" รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ แจ้งถึงความคืบหน้าในการเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ แม้ก่อนหน้านี้จะปรากฏรายชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นแคนดิเดต ล่าสุดพรรคพลังประชารัฐยังตกลงกันไม่ได้ โดยนายสุชาติพยายามหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ในพรรคทั่วประเทศ รวมถึงพรรคภูมิใจไทยที่พร้อมสนับสนุนนายสุชาติ แต่ติดปัญหาที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ภาคเหนือ ของพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากต้องการสนับสนุนนายวิรัชมากกว่า จนทำให้มีความเห็นแตกต่างกันภายในอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่งได้หัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ พรรคพลังประชารัฐอาจยื่นข้อเสนอตำแหน่งประธานสภาฯให้ ซึ่งมีชื่อของ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ที่มีความเหมาะสม เพราะมีความอาวุโสภายในพรรค และสามารถควบคุมเกมภายในสภาได้ แต่ ส.ส.บางกลุ่มของพรรคพลังประชารัฐ ยังกังวลว่าข้อเสนอสุ่มเสี่ยงเกินไป เพราะอาจทำให้พรรคพลังประชารัฐเสียเปรียบในรัฐสภา ที่พรรคประชาธิปัตย์อาจจะไม่ปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และบุคคลในคณะรัฐมนตรีไม่เต็มที่เท่ากับคนในพรรคเป็นเอง ขณะที่นายวิรัช อาจติดปัญหาเรื่องภาพลักษณ์คดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอลที่ตนเองถูกแจ้งข้อกล่าวหา และล่าสุดอนุกรรมการไต่สวนได้สรุปสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว เตรียมจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติชุดใหญ่เพื่อวินิจฉัย อาจไม่สง่างาม และถูกลดให้ไปเป็นประธานวิปรัฐบาล พร้อมกับให้ลูกชายของนายวิรัชเป็นรัฐมนตรีอีก 1 ตำแหน่งแทน นายชื่นชอบ คงอุดม โฆษกพรรคพลังท้องถิ่นไท ได้ส่งข้อความชี้แจงสื่อมวลชนกรณีพรรคพลังท้องถิ่นไท จะไม่มีการจัดแถลงข่าวเข้าร่วมรัฐบาลว่า เพราะทุกอย่างยังคงยืนยันและเป็นไปตามที่ นายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ ซึ่งได้แสดงจุดยืนทางการเมืองของพรรคฯ ในการจัดตั้งรัฐบาลว่า "เราเอา สถาบันเป็นหลัก ตั้งแต่ 20 ปีที่ผ่านมา ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ให้มาดูแลสยามรัฐ ก็มีหน้า "ในหลวง" มาตลอด ถ้าใครดูแลสถาบันและปกป้องสถาบันเราก็ยืนข้างนั้น ไม่จำเป็นต้องไปร่วมรัฐบาล แต่อะไรที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติก็ต้องทำ" ส่วนเรื่องที่พรรคพลังท้องถิ่นไทจะโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่นั้น ก็เป็นไปตามที่หัวหน้าพรรค ระ บุไว้ว่า "ถ้าเสนอมาตามระเบียบก็โอเค ไม่มีลูกเล่นอะไร อะไรดีก็ทำ อะไรไม่ดีก็ไม่ทำ อะไรที่ดีกับประเทศชาติก็ยกมือให้ เราไม่จำเป็นต้องมีกลุ่มก้อนเพื่อต่อรองใคร การทำให้ประเทศชาติไม่ต้องต่อรองใคร เพราะมีจุดยืน และปณิธาน คือ อะไรที่ประเทศไปได้ ทำหมด จะมีหรือไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีก็ไม่สน ไม่จำเป็น อะไรที่ทำให้ประเทศเดินหน้าได้ก็จะทำ" ด้าน ศ.ดร.โกวิทย์ พวงงาม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าวย้ำว่า พรรคจะไม่มีการแถลงข่าวร่วมรัฐบาล แต่ก็พร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลที่มีจุดยืนเดียวกับพรรคคือ สร้างประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เทิดทูน จงรักภักดีสถาบัน และพัฒนาประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้ ส่วนถ้ามีกาเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ พรรคก็ยินดีให้การสนับสนุน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายชยุต สืบตระ กูล สมาชิก ส.ว. ในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินตาบอด จอดรถขยะกรุงเทพมหานคร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าฯกทม. และปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างฎีกาว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ หากพบว่าขัดก็จะพ้นไป ลำดับสำรองก็เลื่อนขึ้นมา นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกระแสใช้งบประมาณในการคัดเลือกส.ว.ถึง 1,300 ล้านบาทว่าใช้งบประมาณเพียงไม่กี่พันบาทเท่านั้น เพราะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่เป็นกรรมการสรรหา ไม่ได้มีเบี้ยประชุม และถ้าจะมีค่าใช้จ่าย ก็เป็นแค่เรื่องเอกสาร และยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องการเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการสรรหา ส.ว.และคสช. คงจะเปิดเผยในไม่ช้านี้ ส่วนที่สำนักเลขาธิการวุฒิสภา อาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา สมาชิกวุฒิสภา ส.ว.ให้สัมภาษณ์ภายหลังมาแสดงตนเป็นส.ว.ถึงการทำหน้าที่ส.ว.มีความกดดันหรือไม่ ว่า ปกติไม่มีอะไร เมื่อถามว่ามีอะไรจะชี้แจงหรือไม่ พล.อ.ปรีชา ตอบเพียงสั้นๆว่า "ไม่มีวันนี้มาแสดงตน" ขณะที่ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความชัดเจนเรื่องรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)ถึงการกำหนดวันทำรัฐพิธี ว่าจะ เป็นวันที่24พ.ค.ตามที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุหรือไม่ แต่ในหลักการหากมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาเมื่อใด ในวันรุ่งขึ้นจะเปิดประชุมสภาฯ เพื่อเลือกประธาน และรองประธาน โดยจะเรียนเชิญนายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะส.ส.ที่มีอาวุโสสูงสุด ให้ทำหน้าที่ประธานชั่วคราวในการเปิดประชุม ซึ่งนายชัยได้รับปาก บอก พร้อมทำหน้าที่ เพราะสุขภาพยังแข็งแรงดี ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ในวันที่ 17 พ.ค. จะเข้ายื่นคำร้องต่อกกต.ขอให้ตรวจสอบ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรครวมพลังประ ชาชาติไทยว่าขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(15)หรือไม่เนื่องจากมีชื่อเป็นกรรมการกฤษฎีกาลำดับที่ 21 ตามประกาศสำนักนายกฯ เรื่องแต่งตั้งกรรมการกฤษฎีกา ลงวันที่ 24 พ.ย.58 แต่ต่อมา ตามประกาศสำนักนายกฯ เรื่องแต่งตั้งกรรมการกฤษฎีกา ฉบับลงวันที่ 19 เม.ย.62 กลับไม่มีชื่อม.ร.ว.จัตุมงคล เป็นกรรมการกฤษฎีกาอีก จึงน่าสงสัยว่า ม.ร.ว.จัตุมงคล เป็นกรรมการกฤษฎีกามาโดยตลอดจนถึงวันที่สมัครเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อหรือไม่ นอก จากนี้ จะได้เข้าให้ถ้อยคำต่อ ร.ต.อ.มนูญ วิเชียรนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนงาน สืบสวนสอบสวนตามหนัง สือเชิญที่นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการกกต.ได้ส่งมาขอให้ไปให้ถ้อยคำ หลังยื่นร้องของกกต.ให้กกต.ตรวจสอบผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ และส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง รวม 25 รายว่าเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.หรือไม่ เนื่องจากมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ในธุรกิจสื่อด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของส.ส.สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ กรณีความปรากฏหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ซึ่งเป็นเหตุให้ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบรัฐธรรมนูญ 98 (3) //////