ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 82 วรรคสี่ กรณีความปรากฏหรือมีเหตุอันควรสงสัยต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นเหตุให้สมาชิกสภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) ขณะที่อีกด้านหนึ่งนายธนาธรได้ประกาศเสนอตัวเป็นนายกฯและเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยระบุว่ามีเพียงพรรคอนาคตใหม่เท่านั้นที่จะสามารถเยียวยาบาดแผลความขัดแย้งของพรรคการเมืองต่างๆ ให้กลับมามีอุดมการณ์เดียวกัน นั่นคือการส่งทหารกลับกรมกอง และแก้รัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย โดยจะมีการติดต่อขอคุยกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนานั้น มีรายงานข่าวว่าความหวังของนายธนาธรที่จะเป็นนายกฯ หรือเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลมีโอกาสน้อยมาก เพราะลำพังนายธนาธรจะเอาตัวรอดได้หรือเปล่ายังเป็นที่น่าสงสัย เนื่องจากตามเรื่องของนายธนาธรที่ทางกกต.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ในทางปฏิบัติแล้วคาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาวินิจฉัยไม่นาน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะได้ข้อสรุปก่อนที่สภาฯจะมีการโหวตเลือกนายกฯ “โดยเฉพาะในเบื้องต้น ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมานั้น หากเห็นว่าเรื่องที่กกต.ร้องมามีข้อมูลหลักฐานแน่นหนา ก็อาจจะสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ของนายธนาธรเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีข้อยุติว่าคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร”แหล่งข่าวระบุพร้อมกับขยายความว่านั่นเท่ากับว่านายธนาธรอาจไม่มีสิทธิ์แม้แต่การโหวตเลือกนายกฯ อย่าว่าแต่คิดจะเป็นนายกฯเองเลย