วันที่ 16 พ.ค.ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบคืนโฉนดและทรัพย์สิน คืนความสุขให้ประชาชนลดความเหลื่อมล้ำของสังคมครั้งที่ 11 โดยภายในงานมี พล.ต.อ.ชัยวัตน์ เกตุวรชัย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผบ.ตร ในฐานะรองผอ.ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปฉช.ตร.) พล.ต.ท. สุธีร์ เนรกัณฐี. ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ผบก.สส.บช.ภ.4
พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.ภ.2พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ รองผบก.สส.บช.ภ.4 พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ ผกก. วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.ภ.6พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.หนองคาย พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.ตม.นครพนม พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.ธนารัตน์ มีทองหลาง ผกก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สส.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รองผกก.ป สน.ลุมพินี ตลอดจนผู้แทนหน่วยงานราชการต่างๆให้การต้อนรับ
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบถือเป็นหัวใจสำคัญ ที่รัฐบาลได้ขับเคลื่อนนโยบายแบบบูรณาการ เพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรมทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม ยกระดับชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ในวันนี้ถือเป็นครั้งที่11 ได้มีการคืนโฉนดให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพี่น้องประชาชนในจังหวัดพิษณุโลกและพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการทำสัญญากู้ยืมอันไม่เป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการทั่วประเทศ โดยภาพรวมถือว่าเป็นที่พอใจ และยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อหากยังเป็นรัฐบาล
ที่ผ่านมาทางรัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำสางปัญหาหนี้นอกระบบที่ฝังรากลึกมาตลอดระยะเวลาหลายปี ประชาชนบางคนถูกนายทุนยึดที่ดินทำกินไปมากกว่า 10-20 ปี ซึ่งประชาชนที่ได้รับโฉนดคืนไปก็ขออย่านำไปกู้นอกระบบ หรือนำไปจำนองอีก ก็อยากจะให้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ใช้ทำมาหากินอย่างถูกต้อง อีกทั้งรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะทำคนยากจนเข้าสู่ระบบแหล่งการเงินมากขึ้น โดยไม่ต้องพึงแหล่งเงินกู้นอกระบบ และสนับสนุนระบบฟิโกไฟแนนซ์ นาโนไฟแนนซ์ ทำให้นายทุนเข้าสู่ระบบมากที่สุด เพื่อไม่ให้ประชาชนมีหนี้สิน
ซึ่งการทำงานของรัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังการเมืองหวังให้ประชาชนนั้นมีความสุขทั้งนี้เดินไปด้วยควบคู่กันไป ในการบังคับใช้กฎหมายและการเจรจาที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร ทำให้กับประชาชนลดปัญหาความเหลื่อมล้ำเพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่ที่อาศัยที่ดินทำกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวนาชาวไร่ให้มีที่ทำกินและไม่ไปเช่าที่ตนเองกับคนอื่น พร้อมทั้ง ให้ กอ.รมน. ประสานกลไกระดับพื้นที่ ตามเข้าไปสนับสนุนลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างฟื้นตัว เพื่อให้กลับมาเข้มแข็งอย่างยั่งยืนร่วมกัน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า มีเสียงสะท้อนของชาวบ้านที่อยากเห็นพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล กลับมาทำงานให้กับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทางรัฐบาลใน การแก้ไขปัญหาหนี้ระบบและปัญหาอาชญากรรมอื่นๆอีกครั้ง ซึ่งทางพลเอกประวิตรได้กล่าวว่าในส่วนนี้ต้องขอดูก่อนว่าแนวทางมีความเป็นไปได้หรือไม่ ตำแหน่งของพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ สูงขึ้นไปมากน้อยแค่ไหน และสามารถจะกลับมาทำได้หรือไม่ แต่ยืนยันว่าจะต้องมีการดำเนินการต่อไปในการปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งทางศปอส.ตร.ได้มอบหมายให้พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย มารับผิดชอบ พร้อมใช้ทีมงานชุดเดิม
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของการมอบคืนโฉนดที่ดินแก่เหยื่อนายทุนดอกเบี้ยโหดที่ผ่านการไกล่เกลี่ยตามนโยบายของรัฐบาลทั่วประเทศครั้งที่11 ระหว่างวันที่30 มี.ค.-15 พ.ค. มีลูกหนี้ได้รับโฉนดคืน ทั่วประเทศกว่า 1,932ราย คืนโฉนด จำนวน 1,802 ฉบับ เนื้อที่ 5647 ไร่ 2 งาน 74 ตารางวา คิดเป็นมูลค่า 3,046,441,425 บาท ด้านการเจรจาไกล่เกลี่ย สามารถช่วยเจรจาทำข้อตกลงกันแล้ว จำนวน 41,000 ราย โดยในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ไกล่เกลี่ยได้873 ราย รวมโฉนด 971ฉบับ เนื้อที่ 3659ไร่ 1งาน56.5 ตร.วา มูลค่า2,389,593,510พันล้านบาท รวมทั้งยานพาหนะและเครื่องมือทำการเกษตร กว่า 170 คัน อย่างไรก็ตามจากการดำเนินการตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ได้ทำการคืนโฉนดให้กับประชาชน 24,014ราย คืนโฉนด จำนวน 20,360 ฉบับ เนื้อที่ 57,648 ไร่ 2 งาน 42.72ตารางวา คิดเป็นมูลค่า27,614,488,361บาท
ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นนโยบายสำคัญที่ทางรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาเพื่อให้ประชาชนได้กลับมาทำภาคการเกษตร เพื่อมีที่ทำกินเลี้ยงชีพ ซึ่งทางศปฉช.ตร. จะขับเคลื่อนแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดยจะทำอย่างเป็นรูปธรรม และจะทำคู่ขนานกับการไกล่เกลียกรณีข้อพิพาทราคาเช่าที่ดินที่สูงเกินความเป็นจริงเพื่อให้เกษตรกรได้สามารถกลับไปทำการเกษตรได้ ซึ่งจากการดำเนินการกว่า37 ครั้งสามารถคืนโฉนดให้พี่น้องประชาชนมากถึง 24000 ราย คืนโฉนดกว่า 27000ล้านบาท
น.ส.สุภัทรา อยู่ศิริบูรณ์ 36 ปี ชาวอำเภอนาดินดำ จังหวัด เลย ที่กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการดังกล่าว ขอบคุณทางรัฐบาลที่เล็งเห็นปัญหาของประชาชน และอยากขอให้พล.อ.ประวิตร ช่วยเอาคนที่ทำงานอย่างพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล กลับมาทำงานให้ประชาชน เพราะยังมีประชาชนที่ยังรอการช่วยเหลืออีกจำนวนมาก ขณะที่ชาวบ้านบางส่วน เป็นกังวลว่าการที่ศูนย์ปราบหนี้นอกระบบขาด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล จะทำให้งานไม่ต่อเนื่อง
ที่ผ่านมาทางรัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำสางปัญหาหนี้นอกระบบที่ฝังรากลึกมาตลอดระยะเวลาหลายปี ประชาชนบางคนถูกนายทุนยึดที่ดินทำกินไปมากกว่า 10-20 ปี ซึ่งประชาชนที่ได้รับโฉนดคืนไปก็ขออย่านำไปกู้นอกระบบ หรือนำไปจำนองอีก ก็อยากจะให้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ใช้ทำมาหากินอย่างถูกต้อง อีกทั้งรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะทำคนยากจนเข้าสู่ระบบแหล่งการเงินมากขึ้น โดยไม่ต้องพึงแหล่งเงินกู้นอกระบบ และสนับสนุนระบบฟิโกไฟแนนซ์ นาโนไฟแนนซ์ ทำให้นายทุนเข้าสู่ระบบมากที่สุด เพื่อไม่ให้ประชาชนมีหนี้สิน
ซึ่งการทำงานของรัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังการเมืองหวังให้ประชาชนนั้นมีความสุขทั้งนี้เดินไปด้วยควบคู่กันไป ในการบังคับใช้กฎหมายและการเจรจาที่ดินทำกินให้กับเกษตรกร ทำให้กับประชาชนลดปัญหาความเหลื่อมล้ำเพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่ที่อาศัยที่ดินทำกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวนาชาวไร่ให้มีที่ทำกินและไม่ไปเช่าที่ตนเองกับคนอื่น พร้อมทั้ง ให้ กอ.รมน. ประสานกลไกระดับพื้นที่ ตามเข้าไปสนับสนุนลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างฟื้นตัว เพื่อให้กลับมาเข้มแข็งอย่างยั่งยืนร่วมกัน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า มีเสียงสะท้อนของชาวบ้านที่อยากเห็นพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล กลับมาทำงานให้กับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและทางรัฐบาลใน การแก้ไขปัญหาหนี้ระบบและปัญหาอาชญากรรมอื่นๆอีกครั้ง ซึ่งทางพลเอกประวิตรได้กล่าวว่าในส่วนนี้ต้องขอดูก่อนว่าแนวทางมีความเป็นไปได้หรือไม่ ตำแหน่งของพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ สูงขึ้นไปมากน้อยแค่ไหน และสามารถจะกลับมาทำได้หรือไม่ แต่ยืนยันว่าจะต้องมีการดำเนินการต่อไปในการปราบปรามอาชญากรรม ซึ่งทางศปอส.ตร.ได้มอบหมายให้พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย มารับผิดชอบ พร้อมใช้ทีมงานชุดเดิม
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สำหรับภาพรวมของการมอบคืนโฉนดที่ดินแก่เหยื่อนายทุนดอกเบี้ยโหดที่ผ่านการไกล่เกลี่ยตามนโยบายของรัฐบาลทั่วประเทศครั้งที่11 ระหว่างวันที่30 มี.ค.-15 พ.ค. มีลูกหนี้ได้รับโฉนดคืน ทั่วประเทศกว่า 1,932ราย คืนโฉนด จำนวน 1,802 ฉบับ เนื้อที่ 5647 ไร่ 2 งาน 74 ตารางวา คิดเป็นมูลค่า 3,046,441,425 บาท ด้านการเจรจาไกล่เกลี่ย สามารถช่วยเจรจาทำข้อตกลงกันแล้ว จำนวน 41,000 ราย โดยในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ไกล่เกลี่ยได้873 ราย รวมโฉนด 971ฉบับ เนื้อที่ 3659ไร่ 1งาน56.5 ตร.วา มูลค่า2,389,593,510พันล้านบาท รวมทั้งยานพาหนะและเครื่องมือทำการเกษตร กว่า 170 คัน อย่างไรก็ตามจากการดำเนินการตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน ได้ทำการคืนโฉนดให้กับประชาชน 24,014ราย คืนโฉนด จำนวน 20,360 ฉบับ เนื้อที่ 57,648 ไร่ 2 งาน 42.72ตารางวา คิดเป็นมูลค่า27,614,488,361บาท
ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นนโยบายสำคัญที่ทางรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาเพื่อให้ประชาชนได้กลับมาทำภาคการเกษตร เพื่อมีที่ทำกินเลี้ยงชีพ ซึ่งทางศปฉช.ตร. จะขับเคลื่อนแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ โดยจะทำอย่างเป็นรูปธรรม และจะทำคู่ขนานกับการไกล่เกลียกรณีข้อพิพาทราคาเช่าที่ดินที่สูงเกินความเป็นจริงเพื่อให้เกษตรกรได้สามารถกลับไปทำการเกษตรได้ ซึ่งจากการดำเนินการกว่า37 ครั้งสามารถคืนโฉนดให้พี่น้องประชาชนมากถึง 24000 ราย คืนโฉนดกว่า 27000ล้านบาท
น.ส.สุภัทรา อยู่ศิริบูรณ์ 36 ปี ชาวอำเภอนาดินดำ จังหวัด เลย ที่กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการดังกล่าว ขอบคุณทางรัฐบาลที่เล็งเห็นปัญหาของประชาชน และอยากขอให้พล.อ.ประวิตร ช่วยเอาคนที่ทำงานอย่างพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล กลับมาทำงานให้ประชาชน เพราะยังมีประชาชนที่ยังรอการช่วยเหลืออีกจำนวนมาก ขณะที่ชาวบ้านบางส่วน เป็นกังวลว่าการที่ศูนย์ปราบหนี้นอกระบบขาด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล จะทำให้งานไม่ต่อเนื่อง