เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.บก.ป.สั่งการให้, พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป.พ.ต.ท.กรกช ยงยืน สว.กก.2 บก.ป. นำกำลังจับกุมนายก้องภพ เอื้อนจิตร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 ซ.ลาดปลาเค้า 57 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.5/2562 ลง 4 มกราคม 2562 ข้อหา “ลักทรัพย์ โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการการจับกุม” จับกุมได้ที่ บริเวณลานจอดรถลุมพินี คอนโดทาวน์ ถ.ลาดปลาเค้า แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.
สืบเนื่องจากนายก้องภพ ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติการณ์ตั้งกลุ่มแก๊งค์ขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนทุบกระจกรถลักทรัพย์รถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนนตามเส้นทางเปลี่ยวมืด จากนั้นก็จะนำทรัพย์สินมีค่าที่ได้ไปขายต่อตามร้านรับซื้อของมือสอง โดยมีนายก้องภพ ผู้ต้องหารายนี้เป็นหัวหน้าแก๊งค์ ซึ่งที่ผ่านมาผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งในหลายพื้นที่ ทั้งใน กทม. นนทบุรี ชลบุรี จนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงได้นำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแส กระทั่งทราบว่านายก้องภพ ผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีคดีมาเปิดอู่ซ่อมรถอยู่ในพื้นที่ กทม.และพักอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งริมถนนลาดปลาเค้า จึงนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว
จากการสอบสวนนายก้องภพ ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าผู้ที่ก่อเหตุทุบกระจกรถและขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหายคือเพื่อนของตนเอง ส่วนการที่ตนถูกออกหมายจับนั้นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตรวจค้นที่อู่ซ่อมรถของตนเองแล้วพบเจอรถของกลางคันที่ใช้ก่อเหตุจอดอยู่ในอู่ของตน ซึ่งเป็นรถที่ตนยืมมาจากเพื่อนเพื่อนำมาใช้นั่นเอง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกตำรวจกองปราบจับกุมในคดีร่วมกับพวกก่อเหตุทุบรถในพื้นที่ สน.วังทองหลาง เมื่อปี 52 ทั้งนี้หลังพ้นโทษออกมากฌได้กลับมาก่อเหตุอีก โดยมีหมายจับติดตัวจำนวน 6 หมาย ในท้องที่ สน.ห้วยขวาง สน.พหลโยธิน สน.โชคชัย และสภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และล่าสุดยังได้ไปก่อเหตุในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี อีกคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนายก้องภพ นั้นภูมิฐานเดิมของครอบครัวค่อนข้างมีฐานนะและความรู้ โดยพ่อเป็นถึง รอง ผอ.โรงพยาบาล แห่งหนึ่งใน กทม. ส่วนแม่มีตำแหน่งเป็นถึงแพทย์หญิง ของ รพ.แห่งหนึ่ง ในกทม.ด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากตัวนายก้องภพ เป็นคนติดเพื่อนและมีนิสัยเกเร ทางพ่อและแม่จึงลงทุนเปิดอู่ซ่อมรถให้เพื่อหวังว่าจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ก็ไม่เป็นผลกระทั่งมารวมแก๊งกับกลุ่มวัยรุ่นตระเวนก่อเหตุดังกล่าว
จากการสอบสวนนายก้องภพ ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าผู้ที่ก่อเหตุทุบกระจกรถและขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหายคือเพื่อนของตนเอง ส่วนการที่ตนถูกออกหมายจับนั้นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตรวจค้นที่อู่ซ่อมรถของตนเองแล้วพบเจอรถของกลางคันที่ใช้ก่อเหตุจอดอยู่ในอู่ของตน ซึ่งเป็นรถที่ตนยืมมาจากเพื่อนเพื่อนำมาใช้นั่นเอง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกตำรวจกองปราบจับกุมในคดีร่วมกับพวกก่อเหตุทุบรถในพื้นที่ สน.วังทองหลาง เมื่อปี 52 ทั้งนี้หลังพ้นโทษออกมากฌได้กลับมาก่อเหตุอีก โดยมีหมายจับติดตัวจำนวน 6 หมาย ในท้องที่ สน.ห้วยขวาง สน.พหลโยธิน สน.โชคชัย และสภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และล่าสุดยังได้ไปก่อเหตุในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี อีกคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนายก้องภพ นั้นภูมิฐานเดิมของครอบครัวค่อนข้างมีฐานนะและความรู้ โดยพ่อเป็นถึง รอง ผอ.โรงพยาบาล แห่งหนึ่งใน กทม. ส่วนแม่มีตำแหน่งเป็นถึงแพทย์หญิง ของ รพ.แห่งหนึ่ง ในกทม.ด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากตัวนายก้องภพ เป็นคนติดเพื่อนและมีนิสัยเกเร ทางพ่อและแม่จึงลงทุนเปิดอู่ซ่อมรถให้เพื่อหวังว่าจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ก็ไม่เป็นผลกระทั่งมารวมแก๊งกับกลุ่มวัยรุ่นตระเวนก่อเหตุดังกล่าว